ตลาดหุ้นไตรมาสแรกกำลังปิดฉากลงภายใต้บรรยากาศที่ซบเซา โดยดัชนีติดลบเมื่อเทียบกับจุดปิดสิ้นปี 2566 ที่ระดับ 1,413.85 จุด แต่กูรูหุ้นส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าไตรมาสที่ 2 ตลาดหุ้นจะฟื้นตัวขึ้น ด้วยปัจจัยกระตุ้นหลายด้าน
นักลงทุนส่วนใหญ่น่าจะเจ็บตัวกันเล็กน้อย จากภาวะความผันผวนของหุ้นไตรมาสแรก ซึ่งดัชนีหุ้นขึ้นลงในกรอบจำกัด ระหว่าง 1,350 จุดถึง 1,400 จุดเศษ เพราะไม่มีข่าวในเชิงบวกสนับสนุน และนักลงทุนต่างชาติยังไม่ขนเงินกลับมาลงทุน
ทั้งตลอดไตรมาสดัชนีตกอยู่ภายใต้การชี้นำของนักลงทุนต่างชาติ โดยช่วงที่กลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้น ดัชนีจะปรับตัวขึ้นตาม แต่เมื่อขายหุ้นออกดัชนีจะปักหัวลง
ต่างชาติเหมือนเล่นชักเย่อตลาดหุ้นไทย ไม่ปล่อยให้ดิ่งลงเหวลึก แต่ไม่ยอมให้วิ่งไปไกลกว่า 1,400 จุด โดยทะลุ 1,400 จุดเมื่อไหร่ จะเทขายหุ้นออกทุกครั้ง จนต้องปรับฐานลงมาตั้งหลักใหม่
แต่ถ้าไหลรูดลงไปใกล้ 1ป350 จุด แรงซื้อจากต่างชาติจะไหลเข้ามา และดึงให้หุ้นโงหัวขึ้น
ใครจับทางนักลงทุนต่างชาติได้ประเมินในว่าเมื่อไหร่จะซื้อ เมื่อไหร่จะขาย คงหาจังหวะทำกำไรได้ดี แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าวันไหนต่างชาติจะซื้อหรือขาย
ไตรมาส 2 ที่จะก้าวย่างเข้าสู่ในสัปดาห์หน้า นักวิเคราะห์หุ้นส่วนใหญ่มีมุมมองตรงกันว่า หุ้นต้องกระเตื้องขึ้น โดยเหตุผลสำคัญคือ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของแบงก์ชาติ คงจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ 2 ครั้ง ประเดิมครั้งแรกในเดือนเมษายน
ส่วนธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดดอกเบี้ยปีนี้ 3 ครั้ง เริ่มต้นครั้งแรกเดือนมิถุนายน
การลดอัตราดอกเบี้ยจะกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้น นอกเหนือจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน และยังมีแรงหนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐบาลที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย โดยยังไม่รวมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะแจกประชาชน 50 ล้านคน
ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังเป็นเพียงความคาดหวังว่าจะกลับมา เพราะขายหุ้นออกต่อเนื่องมามากแล้ว ปี 2566 ขายหุ้นออก 1.69 ล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกสิ้นสุดวันที่ 28 มีนาคม ขายหุ้นออกแล้ว 68,162 ล้านบาท และไม่น่าจะมีแรงขายอีกมากนัก แต่อาจกลับมาซื้อคืนบ้าง
ต่างชาติยังเป็นปัจจัยชี้นำสำคัญของตลาดหุ้นอยู่ เพราะแรงซื้อภายในประเทศอ่อนแอ ถ้าต่างชาติกลับมาซื้อตามที่คาดหวัง ขณะที่มีปัจจัยบวกจากการลดดอกเบี้ย ภาวะเศรษฐกิจที่อาจเริ่มฟื้น และการท่องเที่ยวที่สดใสขึ้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เป็นไปได้ว่าขาขึ้นรอบต่อไปดัชนีคงจะตีฝ่าปราการสำคัญระดับ 1,400 จุดไปได้เสียที แต่จะไปไกลถึง 1,500 จุดหรือไม่ต้องรอดูกันไป
อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นไตรมาส หรือก่อนเทศกาลสงกรานต์ ตลาดหุ้นอาจยังซึม ซบเซา ดัชนีขยับในกรอบแคบต่อไปอีกระยะ ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่บางตา และอาจเห็นตัวเลขต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อวัน
แต่หลังหยุดยาวเที่ยวสงกรานต์แล้ว บรรยากาศการลงทุนน่าจะคึกคักขึ้น ยิ่งมีการลดดอกเบี้ย ยิ่งกระตุ้นให้หุ้นวิ่ง จนเป็นขาขึ้นรอบใหญ่หลายสิบจุด
การทำมาหากินของนักลงทุนในตลาดหุ้น ไตรมาสที่ 2 น่าจะค้าขายหุ้นได้คล่องขึ้น แต่ยังต้องเน้นหนักในการขายมากกว่าซื้อ เพราะหุ้นยังไม่มีสัญญาณกลับสู่ขาขึ้นรอบยาว
ไตรมาสที่ 2 หุ้นยังมีความผันผวนอยู่ หุ้นขึ้น ต้องชิงขายเก็บกำไรใส่กระเป๋าไว้ก่อน
เพียงแต่ช่องว่างการทำกำไรอาจถ่างกว้างขึ้นหน่อยจากไตรมาสแรกเท่านั้น