ตลาดหุ้นใกล้จะผ่านพ้นไตรมาสแรกปี 2567แล้ว แต่ดัชนีฯ ยังไม่สามารถตีฝ่าแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1400 จุดไปได้ และขึ้นมาแตะเมื่อไหร่ มีอันต้องปรับฐานลง ถอยหลังไปตั้งหลักใหม่ทุกครั้ง
รอบนี้ก็เหมือนกัน ดัชนีฯ วิ่งห้อมาหลายวัน จนดีดขึ้นมาที่ระดับ 1394.93 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยได้รับแรงส่งจากนักลงทุนต่างชาติ ที่กลับมาลุยซื้อหุ้นกว่า 3,647 ล้านบาท
เหลืออีกเพียง 5 จุดเศษ จะทะลุ 1400 จุด แต่วันศุกร์หุ้นกลับไปต่อไม่ไหว ปรับฐานลงอีก ดัชนีฯต้องถอยลงมาที่ระดับ 1386.04 จุด
แนวต้าน 1400 จุด กลายเป็นปราการที่แข็งแกร่ง และไม่อาจทะลุทะลวงไปได้ง่าย โดยเฉพาะหากขาดกองหนุนจากนักลงทุนต่างชาติ
เพราะไม่มีปัจจัยที่จะกระตุ้นตลาดให้กลับสู่ความคึกคัก ข่าวดีขาดแคลนอย่างหนัก มีเพียงนักลงทุนต่างชาติเท่านั้นที่เป็นความหวังหนึ่งเดียว และทุกครั้งที่ต่างชาติลุยซื้อ หุ้นจะพุ่งทะยาน
แต่ต่างชาติก็ซื้อเป็นพักๆ จับทิศจับทางไม่ได้ ซื้อวันหรือสองวัน เดี๋ยวก็กลับไปเทขาย จึงไม่อาจตั้งความคาดหวังใดๆ กับการกลับมาอย่างถาวรของต่างชาติ
นักลงทุนรายย่อย ดูเหมือนจะวางกลยุทธ์การลงทุนได้แล้ว และรู้ดีว่า จะหาจังหวะขายทำกำไรในช่วงไหน โดยเมื่อต่างชาติกลับมาซื้อ ผลักดันราคาหุ้นให้ดีดตัวขึ้น รายย่อยพร้อมใจกันขาย
และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เป็นอีกวันที่นักลงทุนรายย่อยรอคอย โดยเทขายหุ้นกว่า 2.5 พันล้าน ถือเป็นการทำกำไรระยะสั้น ได้เงินสดก้อนโตถือติดมือ
สถานการณ์หุ้นปีนี้ คงเหมาะสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่า เพราะความผันผวนคงเกิดขึ้นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะระยะสั้น ซึ่งราคาหุ้นแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบๆ และตั้งแต่ต้นปีเคลื่อนไหวระหว่าง 1350-1400 จุด หรือขึ้นลงในกรอบ 50 จุด
แนวโน้มหุ้นต้องประเมินกันวันต่อวัน เช่นเดียวกับกลยุทธ์ที่ต้องปรับเปลี่ยนทุกวัน และวันที่หุ้นขึ้นหรือกระดานเขียว เป็นจังหวะที่ต้องให้น้ำหนักกับการขายเท่านั้น เพราะถ้าไม่ขาย วันรุ่งขึ้นอาจหมดโอกาส
ข่าวดีชิ้นใหญ่ที่รอคอยสำหรับปี 2567 คือ การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย แต่การลดดอกเบี้ยของสหรัฐ อาจเกิดขึ้นช่วงกลางปี หรือครึ่งปีหลัง ส่วนการลดดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ อาจเกิดขึ้นก่อน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกระตุ้นตลาดหุ้น
แต่ถ้ายังไม่มีประเด็นดอกเบี้ยกระตุ้น หุ้นอาจติดกับขึ้นลงในกรอบ 50 จุด ช่องว่างการทำกำไรจึงแคบ และต้องหากินกันวันต่อวัน โดยเล่นหุ้นในลักษณะประคองตัวกันต่อไป จนกว่าเพดานขาขึ้นของตลาดหุ้นจะเปิดกว้าง
นักลงทุนรายย่อยอาจปรับกลยุทธ์ช้าไปหน่อย เพราะเพิ่งเน้นหนักในการขายหุ้นออก โดยก่อนหน้าเก็บสะสมหุ้นไว้มาก มียอดซื้อหุ้นสะสมจากต้นปี 39,840 ล้านบาท จึงต้องปรับพอร์ต หาจังหวะทยอยระบายหุ้นออก และกลับมาถือเงินสดให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะความผันผวน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ ยังมองโลกในแง่ดี เชื่อว่าปีนี้ จะได้เห็นดัชนีฯไต่ขึ้นไปยืนเหนือ 1500 จุดช่วงสิ้นปี โดยช่วงเวลาดีๆ ของการลงทุนจะเกิดขึ้นครึ่งปีหลัง
ส่วนครึ่งปีแรกทำใจ หุ้นคงไม่ไปไหน รักษาเนื้อรักษาตัวเอาไว้สู้ตายครึ่งปีหลังดีกว่าไหม