นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่กำลังประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นในไตรมาสที่ 4 ด้วยความสดใส เพราะจะมีข่าวดีหลายด้านหลั่งไหลเข้ามา กระตุ้นให้ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นในอัตราเร่ง จนพุ่งทะลุระดับ 1,400 จุด หรือไปไกลถึง 1,500 จุดได้
3 ไตรมาสแรกในปีนี้ ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความผันผวนและซบเซา เพราะมีปัจจัยลบพุ่งเข้ากระทบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ เทขายหุ้นไม่หยุดยั้ง จนดัชนีถอยร่น ไม่อาจตีฝ่าแนวต้าน 1,400 จุด ไปได้ และยังทรุดหนักสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 4 ปี โดยดัชนีทรุดลงที่ระดับ 1,271 จุด
ล่าสุด ยังมีปัจจัยลบทางการเมืองเข้ามากระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนอีก หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยผลักดันให้ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31
การสรรหานายกรัฐมนตรีขึ้นมารับช่วงต่อจากนายเศรษฐา เป็นไปอย่างรวดเร็ว แทบไม่มีสุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้น และสัปดาห์นี้โผคณะรัฐมนตรีชุดใหม่คงเรียบร้อย
แต่นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่า น.ส.แพทองธาร จะบริหารประเทศได้ดีขนาดไหน จะกอบกู้ศรัทธาในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยขึ้นมาได้หรือไม่ จะฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาอย่างหนักได้เพียงไร
และที่สำคัญ น.ส.แพทองธารจะไปได้กี่น้ำ
ความเชื่อมั่นในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร อาจเริ่มต้นด้วยภาพที่เป็นลบ เพราะนักลงทุนไม่ได้คาดหวังว่าจะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาของประเทศเทศได้ โดยตลาดหุ้นอาจทรงตัว ขึ้นๆ ลงๆ แถวดัชนี 1,300 จุด หรือในไตรมาสที่ 3 อาจไปไกลสุดที่ 1,350 จุด
แต่ไตรมาสที่ 4 จะมีปัจจัยบวกกับตลาดหุ้นเกิดขึ้นหลายด้าน โดยกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ซึ่งจะเปิดขายหน่วยลงทุนในเดือนกันยายนนี้ และจะเปิดขายหน่วยลงทุนให้ประชาชนทั่วไป วงเงิน 1-1.5 แสนล้านบาท ภายใต้การรับประกันผลตอบแทนการลงทุนขั้นต่ำ ซึ่งยังไม่ได้กำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำและขั้นสูงที่แน่ชัด
โดยเงินลงทุนของวายุภักษ์ 1 น่าจะไหลเข้าตลาดหุ้นในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ช่วยให้มีเงินก้อนใหญ่ไหลเข้ามาไล่ซื้อหุ้น ในยามที่กำลังซื้อนักลงทุนในประเทศกำลังอ่อนล้า
และการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือกองทุน TESG ซึ่งคาดว่าจะระดมทุนจากการขายหน่วยลงทุนให้ประชาชนได้ประมาณ 30,000 ล้านบาทในปีแรก จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี โดยเงินจากกองทุน TESG จะไหลเข้าในเดือนพฤศจิกายน หรืออย่างช้าเดือนธันวาคม และจะเป็นอีกแรงหนุนให้ตลาดหุ้นฟื้นสู่ความคึกคัก
นอกจากนั้น ในไตรมาสที่ 4 จะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติจะไหลเข้ามาประเทศไทย และปลุกให้หุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันยังเงียบเหงาซบเซา ดีดตัวขึ้นอย่างโดดเด่นรอบใหม่
ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเหลือเวลาอีกเดือนเศษจะปิดฉากลง นักลงทุนอาจต้องทำใจ ยอมรับในความซบเซา เพราะไม่มีข่าวดีเข้ามากระตุ้นอย่างเป็นรูปธรรม แม้จะมีรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาแทนรัฐบาลนายเศรษฐาแล้วก็ตาม แต่นักลงทุนไม่ได้ตั้งความหวังกับรัฐบาล น.ส.แพทองธารมากนัก
หุ้นอาจปรับตัวขึ้นได้บ้าง ตอบรับนายกฯ คนที่ 31 หลังจากนั้นจะประคองตัวเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบแคบๆ
นักลงทุนจะต้องรักษาเนื้อรักษาตัว อดทนต่อบรรยากาศการลงทุนที่ซบเซาและน่าเบื่อหน่าย เพื่อรอคอยความสดใสที่จะกลับมาเยือนตลาดหุ้นในไตรมาสที่ 4 ซึ่งน่าจะเป็นไตรมาสที่ตลาดหุ้นคึกที่สุดสำหรับปีนี้
ดัชนีจะทะลุไป 1,400 จุด หรือทะยานไปถึง 1,500 จุดได้ ฝากความหวังไว้โค้งสุดท้าย ไตรมาสที่ 4 นี่แหละ