xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไม่เลวร้ายเกินเลือกซื้อเก็บ / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดหุ้นไทยเซถลา ทรุดหนักเสียหลายวัน จนดัชนีหล่นตุบสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 4 ปีที่ระดับ 1,271 จุด เนื่องจากผลจากปัจจัยภายนอก หรือผลกระทบจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรง แต่หลังจากสถานการณ์ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวขึ้น ดัชนีหุ้นก็เด้งกลับแรงอย่างฉับไว ช่วยผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุน

บรรยากาศการซื้อขายหุ้นเมื่อวันพุธที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา กลับสู่ความคึกคักอีกครั้ง ดัชนีพุ่งทะยาน 16.54 จุด ทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,290.55 จุด พร้อมความหวังว่าหุ้นจะขึ้นไปยืนเหนือ 1,300 จุดอีกครั้ง ถ้าปัจจัยภายนอกเป็นปัจจัย

เพราะหุ้นที่ทรุดลงม้วนเดียวกว่า 50 จุด เกิดจากผลกระทบตลาดหุ้นโลกปั่นป่วน แต่เมื่อตลาดหุ้นโลกกลับสู่ภาวะปกติ ตลาดหุ้นไทยก็กระเตื้องขึ้นตามในทันที

สะท้อนให้เห็นว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก หรือความตกต่ำสุดขีดได้ผ่านพ้นไปแล้ว ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมายืนระดับ 1,300 จุด ถือว่าซึมซับรับปัจจัยลบภายในประเทศไปหมดเกลี้ยงแล้ว

รวมทั้ง 2 คดีสำคัญทางการเมือง โดยการตัดสินยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ได้นอกเหนือความคาดหมาย และแม้จะมีแรงกระเพื่อมทางการเมืองอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ทำให้ตลาดหุ้นเกิดความสั่นไหวแต่อย่างใด

ส่วนคดีนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งจะตัดสินในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ คงต้องรอดูว่า การอยู่ต่อหรือลุกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จะมีต่ออารมณ์ความรู้สึกของนักลงทุนอย่างไร แต่เชื่อว่าตลาดได้ซึมซับรับข่าวไปล่วงหน้าระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้น แม้ผลออกมาเชิงลบ หรือมีการเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศคนใหม่ จะไม่ส่งผลกระต่ออารมณ์ความรู้สึกนักลงทุน โดยหุ้นอาจไม่ผันผวนมากนัก

และปัจจัยชี้นำตลาดหุ้นระยะสั้นยังอยู่ที่สถานการณ์ตลาดหุ้นต่างประเทศ ภาวะสงครามตะวันออกกลางไม่ลุกลามบานปลาย ความวิตกกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยรุนแรงผ่อนคลายลง และธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ประกาศลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นทั่วโลกเขียวขจี

ตลาดหุ้นไทยจะไต่ระดับกลับขึ้นใหม่ และกลับสู่เป้าหมายระยะสั้นที่ 1,350 จุด

ความเคลื่อนไหวที่ดีที่เริ่มเห็นกันใหม่คือ การที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้น โดยเมื่อวันพุธซื้อหุ้นสุทธิ 1,666 ล้านบาท และผลักดันให้ดัชนีวิ่งฉิวกว่า 16 จุด

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ต่างชาติมียอดซื้อขายหุ้นเหลือกันน้อยมาก โดยซื้อหรือขายหุ้นสิทธิวันละระดับไม่กี่ร้อยล้านบาท แต่เพิ่งกลับมาซื้อเยอะเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรติดตามจับตา

เพราะถ้าต่างชาติเริ่มเคลื่อนย้ายเงินเช้ามาลงทุน หุ้นมีโอกาสพลิกสู้รอบขาขึ้น

และปลายปีนี้จะมีเงินจากกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือกองทุน TESG ไหลเข้ามาอีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้ามองโลกสวย เงินต่างชาติไหลกลับ เงินกองทุน TESG เข้ามาสมทบ เดือนธันวาคมนี้ตลาดหุ้นอาจบูมครั้งใหญ่

ราคาหุ้นในกระดานส่วนใหญ่ปรับตัวลงมาถึงจุดที่น่าสนใจ จนแทบจะเลือกช้อนซื้อไม่ถูก แต่ถ้าจะเก็บหุ้นสะสมยังต้องเลือกเฟ้น เพราะของราคาถูก ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นของดีมีคุณภาพทั้งหมด จึงต้องเลือกเฟ้นหุ้นที่จะซื้อ

ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักสำคัญในการพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อหุ้นแต่ละตัว และยังต้องประเมินถึงแนวโน้มธุรกิจ แนวโน้มผลประกอบการว่ายังสามารถเติบโตต่อเนื่องหรือไม่

หุ้นร้อน หุ้นเก็งกำไร โดยไม่มีพื้นฐานรองรับ หรือผลประกอบการยังย่ำแย่ แต่มีความพยายามสร้างนิยายเพ้อฝันมาปั่นหัวนักลงทุน แม้ราคาถูกอย่างไร ลงมาลึกระดับ 80-90% ยังต้องหลีกเลี่ยง

เพราะการอยู่ในตลาดหุ้นในสถานการณ์ที่ยังมีความแปรปรวน นักลงทุนจะต้องยืนเอาหลังพิงกำแพงปัจจัยพื้นฐานไว้ก่อน

สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศอาจยังน่าเป็นห่วง หรือเป็นตัวถ่วงตลาดหุ้น แต่ราคาหุ้นที่ลงมาลึก ถ้าปัจจัยภายนอกสดใส ต่างชาติทยอยกลับมาซื้อหุ้นคืน

หุ้นไทยมีโอกาสฟื้นคืนสู่ความเขียวขจีได้ในช่วงท้ายๆ ของปี เปิดโอกาสให้นักลงทุนทำเงินได้บ้าง แม้ระยะยาวเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยยังน่าเป็นห่วงก็ตาม








กำลังโหลดความคิดเห็น