สัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นได้ปรับอุณหภูมิความร้อนแรงลง โดยดัชนีเคลื่อนในกรอบแคบๆ ทรงตัวแถวระดับ 1,450 จุด เนื่องจากไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆ
ข่าวดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้าถูกซึมซับตอบรับจากนักลงทุนไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชน จากนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท การจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ที่ระดมเงินได้ 150,000 ล้านบาท และการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ 0.5%
แรงกระตุ้นจากปัจจัยบวกต่างๆ ผลักดันให้ดัชนีทะยานขึ้นมากว่า 170 จุด โดยขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 1,462 จุด แต่เริ่มอ่อนตัวลง และคงไม่สามารถไปต่อจนแตะ 1,500 จุดได้ ถ้าไม่มีข่าวดีชิ้นใหม่เข้ามาสนับสนุน
เพราะนักลงทุนต่างชาติที่กลับมาซื้อหุ้น หลังจากขายมาตลอดนับจากต้นปี จนสิ้นสุดเดือนสิงหาคมกว่า 1.2 แสนล้านบาท โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมาซื้อหุ้นกว่า 3.1 หมื่นล้านบาท และถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัว แต่ช่วงปลายเดือนกันยายนเริ่มชะลอการซื้อหุ้นแล้ว และมีการขายออกในบางวัน จึงไม่อาจคาดหวังแรงซื้อของต่างชาติได้
กองทุนวายุภักษ์จะหอบเงิน 150,000 ล้านบาท เข้าเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นวันอังคารที่ 1 ตุลาคมนี้ แต่คงไม่รีบร้อนไล่ซื้อหุ้นในทันที เพราะมีเวลาลงทุน 10 ปี แต่จะทยอยซื้อหุ้นเข้าพอร์ต โดยเลือกหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ผลประกอบการเติบโตสม่ำเสมอ และจ่ายเงินปันผลในอัตราที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
จะหวังว่ากองทุนวายุภักษ์จะผลักดันให้ดัชนีพุ่งทะยานต่อไม่ได้ เพราะกองทุนต้องการซื้อหุ้นในราคาต้นทุนต่ำเหมือนกัน โดยอาจรอจังหวะที่หุ้นปรับตัวลงจึงทยอยซื้อเก็บ
สิ่งที่นักลงทุนจะหวังจากกองทุนวายุภักษ์ได้คือ การพยุงตลาดหุ้นไม่ให้เกิดความผันผวนรุนแรง โดยหากมีปัจจัยลบกระทบ ทำให้ราคาหุ้นเกิดปรับตัวลงแรงๆ กองทุนวายุภักษ์เข้าเข้ามาซื้อหุ้น เพื่อประคองไม่ให้ดัชนีหุ้นดิ่งลงเท่านั้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงสั้นอาจกลับสู่ความราบเรียบ ราคาหุ้นขึ้นลงในกรอบแคบ โดยดัชนีอาจยืนประคองตัวแถว 1,450 จุดอีกสักระยะ ถ้าไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่เข้ามา แต่นักลงทุนรายย่อยได้ปลดปล่อยหุ้นที่แบกต้นทุนสูงไว้ไปส่วนหนึ่งแล้ว เพราะขาขึ้นรอบนี้ นักลงทุนรายย่อยขายหุ้นออกตลอด ซึ่งในเดือนกันยายนขายหุ้นไปแล้วกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท ทำให้ตัวเบาไปตามๆ กัน
ข่าวดีที่จะปลุกตลาดให้กลับมาวิ่งต่อคงจะเป็นการลดดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ ซึ่งโบรกเกอร์บางสำนักคาดหมายว่า ภายในปีนี้แบงก์ชาติจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% หลังจากจีนประกาศลดดอกเบี้ยระยะสั้น 7 วันลงจาก 1.70% เหลือ 1.50%
และลดการกันสำรองของแบงก์พาณิชย์ลง 0.5% เพื่อให้แบงก์พาณิชย์สามารถปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนพุ่งทะยาน และปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในวันเดียวสร้างสถิติในรอบ 16 ปี
แบงก์ชาติถูกกดดันจากการเมืองมานาน แต่ยืนกรานที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% มาตลอด แต่สัปดาห์หน้า ทีมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนัดหารือกับผู้ว่าการแบงก์ชาติเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน และคงหารือการลดดอกเบี้ย ซึ่งวันนี้มีเหตุผลในหลายด้านสนับสนุนการลดดอกเบี้ยแล้ว
ไม่ว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก หลายประเทศเริ่มทยอยลดดอกเบี้ย ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งมาก กระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ (กนง.) ในเดือนตุลาคมนี้ จึงอาจมีมติลดดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งจะเป็นข่าวดีชิ้นใหญ่ ผลักดันให้ดัชนีตีฝ่า 1,500 จุดได้
ระยะสั้นหุ้นอาจย่ำฐานอยู่แถว 1,450 จุดสักพัก แต่การประชุม กนง. นัดหน้าเดือนตุลาคมนี้ นักลงทุนรอลุ้นข่าวดีที่จะผลักดัน ดัชนีทะลุ 1,500 จุดเสียที