ตลาดหุ้นกลับเข้าสู่ขาขึ้นเต็มตัว เริ่มต้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา จากดัชนีหุ้นที่ระดับ 1,289 จุด ทะยานขึ้นมาปิดล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 28 สิงหาคมที่ระดับ 1,365.72 จุด โดยปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 76 จุด ซึ่งถือเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ และยังไม่มีสัญญาณการปรับฐานในระยะสั้น
ขาขึ้นรอบนี้เกิดขึ้นในวันที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ซึ่งตลาดหุ้นต่างประเทศกำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง เป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดหุ้นไทย และยังมีข่าวดีจากการจัดตั้งกองทุนวายุภักดิ์ วงเงินประมาณ 1-1.5 แสนล้านบาท โดยจะเริ่มขายหน่วยลงทุนประมาณเดือนกันยายนนี้
นอกจากนั้น ยังจะตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือกองทุน TESG คาดว่าจะระดมเงินได้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาทในช่วงปลายปี
และประเด็นสำคัญที่สนับสนุนให้หุ้นฟื้นตัวต่อเนื่องคือ นักลงทุนต่างชาติซึ่งทยอยกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้น เพราะมุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งยังได้รับแรงหนุนจากงานไทยแลนด์โฟกัสที่ตลาดหลักทรัพย์จัดขึ้น เพื่อนำเสนอข้อมูลการลงทุนให้นักลงทุนต่างชาติเป็นประจำทุกปี กระตุ้นให้ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมากว่า 1.7 พันล้านบาท
นักลงทุนกำลังมีคำถามว่า ดัชนีปรับตัวขึ้นมา 76 จุดแล้ว ยังจะไปต่อหรือไม่ และมีโอกาสที่จะวิ่งทะลุแนวต้าน 1,400 จุดได้หรือไม่
สถานการณ์ตลาดหุ้นในระยะสั้น หรือแนวโน้มจากนี้ถึงช่วงปลายปีมีความสดใส เพราะปลอดจากข่าวร้ายปัจจัยลบที่จะถล่มตลาดหุ้น นอกเหนือจากภาวะสงครามระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ นักลงทุนต้องเฝ้าติดตามเท่านั้น
แต่ข่าวในเชิงบวกมีอยู่รอบด้าน โดยสถานการณ์การเมืองในประเทศคงสงบอีกพักใหญ่ โผ ครม.ชุดใหม่คงออกมาในสัปดาห์หน้า เช่นเดียวกับการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และตามด้วยการลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน แบงก์ชาติ
กองทุนวายุภักดิ์คงเดินหน้าทันทีที่จัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยหน่วยลงทุนคงเปิดขายตามกำหนดการในเดือนกันยายน และการจัดตั้งกองทุน TESG คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยจะมีเงินก้อนใหม่ไหลเข้าตลาดหุ้นอีกไม่ต่ำกว่า 1.3 แสนล้านบาทในปลายปีนี้ และจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ผักดันให้ดัชนีเดินหน้าต่อ
นอกจากนั้น ยังมีความหวังว่านักลงทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาลงทุน และเป็นกองหนุนขับเคลื่อนให้หุ้นฟื้นตัวต่อเนื่อง จนรอบนี้ดัชนีอาจพุ่งขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,400 จุดได้ และสิ้นปีนี้อาจได้เห็นดัชนี 1,500 จุดหรือมากกว่า
ไตรมาสที่ 4 หรือโค้งสุดท้ายตลาดหุ้นปี 2567 นักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดกันว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศการลงทุนคึกคักที่สุด เพราะข่าวดีปัจจัยหนุนเกิดขึ้นมากมาย และนักลงทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาเป็นกองทุน ไล่ซื้อหุ้นขนาดใหญ่ปัจจัยพื้นฐานดี
ครึ่งปีแรกตลาดหุ้นผันผวนหนัก ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่อง ข่าวร้ายมีอยู่มากมาย จนหุ้นทรุดลงต่ำสุดที่ 1,271 จุด และมองกันว่าอาจหลุดระดับ 1,250 จุด ถอยหลงย้อนยุคไปในช่วงวิกฤตโควิด แต่หลังจากตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการ UPTICK RULE ป้องกันการขาย SHORT SELL ทุบราคาหุ้น และอีก 3 มาตรการเข้มข้นควบคุมโปรแกรมการซื้อขายหรือ ROBOT TRADE ตลาดหุ้นจึงกระเตื้องขึ้น
ด่านต่อไปที่จะต้องตีฝ่าคือ เป้าดัชนี 1,400 จุด ซึ่งปีนี้ยังเป็นแนวต้านสำคัญที่ก้าวผ่านไม่พ้น
แต่รอบนี้มีแนวโน้มที่จะตีด่าน 1ป400 จุดแตก เพราะข่าวดีทั้งจากภายนอกและภายในรอคิวเข้ามาขับเคลื่อนตลาดหุ้นอีกเพียบ
นักลงทุนมีโอกาสฉลองชัยดัชนี 1,500 จุดในปลายปีนี้