xs
xsm
sm
md
lg

ROBOT TRADE สิ้นฤทธิ์แล้ว / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



2-3 วันมาแล้วที่มูลค่าการซื้อขายของโปรแกรมเทรด หรือ ROBOT TRADE ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยนักลงทุนอาจไม่ได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นปรากฏการณ์ที่ดี และอาจเป็นสัญญาณสิ้นสุดการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาโจมตีตลาดหุ้นไทย

นับตั้งแต่ประกาศใช้มาตรการ UPTICK RULE หรือมาตรการการปั่นราคาหุ้น จากการยืมหุ้นมาขายหรือ SHORT SELL และมาตรการควบคุมการซื้อขายด้วย ROBOT ที่เข้มข้น ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา สถานการณ์ตลาดหุ้นเริ่มกระเตื้องขึ้น

การเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่เกิดขึ้นในทันทีคือ ธุรกรรม SHORT SELL ลดลงเหลือประมาณ 4%-5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นโดยรวม จากเดิมในเดือนมิถุนายนที่มีสัดส่วน 12.88% ของมูลค่าซื้อขายโดยรวม

และสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นใน 2-3 วันที่ผ่านมาคือ สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของ ROBOT ลดฮวบลงอย่างมีนัยสำคัญ คือมีมูลค่าซื้อขายประมาณ 36% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นโดยรวม

มูลค่าการซื้อขายของ ROBOT มีสัดส่วนประมาณ 41% ของมูลค่าซื้อขายหุ้นทั้งหมด และครองสัดส่วนการซื้อขายหุ้นมากที่สุดมานับแต่ต้นปี 2567 และย้อนไปถึงปี 2566 ซึ่งแม้ว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะออกกฎเกณฑ์คุมเข้มการซื้อขายของ ROBOT ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่สัดส่วนมูลค่าซื้อขายของ ROBOT ก็ไม่ลดลงเหมือนรายการ SHORT SELL

แต่เพิ่งลดลงช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทำไมสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของ ROBOT จึงลดลง น่าจะเป็นเพราะมาตรการคุมเข้ม ROBOT ของตลาดหลักทรัพย์เริ่มออกฤทธิ์ ทำให้ ROBOT หากินยากขึ้น หรือไม่สามารถเอาเปรียบนักลงทุนในประเทศได้ง่ายเหมือนก่อน

ROBOT เข้ามาโจมตีตลาดหุ้นไทยประมาณ 6 ปีแล้ว โดยเป็นเครื่องมือที่นักลงทุนต่างประเทศนำเข้ามาใช้ เพื่อทำกำไรจากหุ้นรายตัวโดยเฉพาะ

ระบบการซื้อขายถูกอออกแบบมาเพื่อเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป โดยสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว สามารถประมวลคำสั่งซื้อขายหุ้นรายตัว และประเมินทิศทางราคาหุ้นได้ในพริบตา ขณะที่ต้นทุนค่านายหน้าซื้อขายยังต่ำกว่านักลงทุนรายย่อยมาก จนสามารถทำกำไรได้จากราคาหุ้นขึ้นหรือลงใน 1 ช่วงราคา

นักลงทุนต่างชาติใช้ ROBOT เป็นอาวุธร้าย กวาดเงินจากตลาดหุ้นไทย ขนกลับบ้านไปจำนวนมหาศาลในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนรายย่อยในประเทศต้องติดหุ้นต้นทุนสูงรวมประมาณ 6 แสนล้านบาท ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา

ROBOT TRADE รายการ SHORT SELL เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวน เป็นมหาวายร้ายที่ทำให้ดัชนีดิ่งลงมาตลอด 6 ปี จากระดับสูงสุดที่ประมาณ 1,850 จุด ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2561

ROBOT เป็นมหาโจรที่โจมตีหุ้นรายตัวจนราคาหุ้นดิ่งลงเหว เพราะทำกำไรจากการทุบหุ้นลง และแม้แต่เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ยัง “เจ๊ง” เพราะสู้ ROBOT ไม่ไหว

แต่บทบาทของ ROBOT กำลังถูกควบคุม จนไม่สามารถเคลื่อนไหวโจมตีหุ้นรายตัวได้ง่ายๆ เหมือนอดีต

เมื่อการหากินฝืดเคืองขึ้น การ “ลาก” หรือ “ทุบ” ราคาหุ้นทำไม่ได้ง่าย เพราะไม่สามารถถอนคำสั่งซื้อขายเพื่อสร้างภาพลวงตาหลอกนักลงทุนทั่วไป ให้หลงผิดในคำสั่งซื้อขายและแนวโน้มราคาหุ้นได้

นักลงทุนต่างชาติที่ใช้ ROBOT เป็นเครื่องมือ จึงต้องลดธุรกรรมการซื้อขายลงเพื่อควบคุมต้นทุนค่านายหน้าซื้อขายหุ้น เพราะเมื่อทำกำไรไม่ได้ จะสั่งซื้อขายถี่ๆ ให้เสียค่านายหน้าไปทำไม

ถ้าสามารถควบคุม ROBOT จนไม่สามารถเอาเปรียบนักลงทุนได้ ไม่สามารถหากินโดยทำกำไรจากการทุบหุ้นได้ อิทธิพลของ ROBOT ในการกำหนดทิศทางราคาหุ้นรายตัวจะลดลง ซึ่งหมายถึงนักลงทุนในประเทศจะมีโอกาสที่เท่าเทียมในการซื้อขายหุ้นมากขึ้น

ขณะที่ตลาดหุ้นจะลดความผันผวนลง ซึ่งเห็นได้ชัดนับตั้งแต่ประกาศใช้มาตรการ UPTICK RULE และมาตรการคุมเข้า ROBOT

ตลาดหลักทรัพย์เดินมาถูกทางแล้วในการควบคุม SHORT SELL และ ROBOT TRADE เพราะช่วยให้นักลงทุนในประเทศไม่ถูก ROBOT ตีหัว ขนกำไรกลับบ้านตลอด 6 ปีที่ผ่านมา

แต่ตลาดหลักทรัพย์ไม่ควรลำพองใจในการควบคุม SHORT SELL หรือ ROBOT ได้ และต้องพิจารณามาตรการควบคุมที่เข้มข้นขึ้นอีก โดยปิดทุกช่องทางที่เอาเปรียบนักลงทุนในประเทศ

มูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติครองสัดส่วนมูลค่าซื้อขายหุ้นประมาณ 52% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นทั้งหมดมานานแล้ว ส่วนหนึ่งเกิดจากมูลค่าการซื้อขายของ ROBOT

แต่สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของต่างชาติเราลดลงต่ำกว่า 50% โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สัดส่วนมูลค่าซื้อขายของ ROBOT ลดเหลือเพียงประมาณ 31% ของมูลค่าซื้อขายรวม และทำให้สัดส่วนมูลค่าซื้อขายของต่างชาติลดลงเหลือ 38% ของมูลค่าซื้อขายรวม ต่ำสุดในรอบหลายปี โดยสัดส่วนการซื้อขายของรายย่อยพุ่งขึ้นมาที่ 43% ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ดี

และสะท้อนให้เห็นว่า ROBOT TRADE ใกล้จะสิ้นฤทธิ์ เพราะช่องทางการเล่นหุ้นเอาเปรียบนักลงทุนในประเทศกำลังปิดลง

แต่คำถามคือ ทำไมจึงปล่อยให้ ROBOT เข้ามาตีหัวนักลงทุนในประเทศได้ถึง 6 ปี

ทำไมจึงปล่อยให้ฝรั่งที่ถือ ROBOT เป็นอาวุธเข้ามาปล้นเงินในตลาดหุ้นไทย ขนเงินกลับบ้านไปนับหมื่นนับแสนบ้านบาท และเพิ่งจะแก้ไข เมื่อนักลงทุนในประเทศแทบหมดเนื้อหมดตัวกันแล้ว








กำลังโหลดความคิดเห็น