นักลงทุนกำลังตั้งความหวัง รอคอยว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นอาจเริ่มกระเตื้องขึ้น หลังวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เมื่อ UPTICK RULE หนึ่งในมาตรการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหุ้น โดยกำหนดให้ขาย SHORT SELL ได้ในราคาสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย
การทำ SHORT SELL การซื้อขายหุ้นด้วยโปรแกรม หรือ ROBOT TRADE โดยเฉพาะคำสั่งซื้อขายที่มีความเร็วสูง และการขายโดยไม่มีใบหุ้นอยู่ในมือหรือ NEKED SHORT ถูกพุ่งเป้าว่าเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยทรุดหนักต่อเนื่องมายาวนานหลายปี
แต่เสียงเรียกร้องและแรงกดดันให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ยกเลิก SHORT SELL เช่นเดียวกับตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ ยุติการซื้อขายด้วย ROBOT ซึ่งเอาเปรียบนักลงทุนในประเทศ และเป็นช่องทางการทำ NEKED SHORT ไม่เคยได้รับการตอบสนอง
เพียงแต่ปรับปรุงมาตรการกำกับ ควบคุมดูแลให้เข้มข้นขึ้น โดย UPTICK RULE จะช่วยลดการขาย SHORT SELL ซึ่งทุบราคาหุ้นลง การลงทะเบียนนักลงทุนที่ใช้โปรแกรมการซื้อขายที่มีความเร็วสูง การเพิ่มบทลงโทษผู้ส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม และเปิดเผยรายชื่อนักลงทุนที่ส่งคำสั่งซื้อขายไม่เหมาะสม
รวมทั้งการตรวจสอบที่สามารถยืนยันได้ว่า นักลงทุนต่างประเทศที่สั่งขายหุ้น มีหุ้นอยู่จริง ไม่มีรายการ NAKED SHORT หรือการขายหุ้นลม โดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นรายตัวเกิดความผันผวนรุนแรง
นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยตลอดเดือนมิถุนายนขายทุกวัน และสาเหตุการที่ต่างชาติถล่มขายหุ้นไม่ได้เกิดจากความกังวลสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ไม่ได้กลัวผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศตกต่ำเพียงเท่านั้น
แต่ส่วนหนึ่งเป็นการเล่นหุ้นขาลง หรือการทำกำไรจากการทุบหุ้นลง ผ่านการ SHORT SELL และลักลอบทำ NAKED SHORT โดยตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบไม่พบ
เมื่อมีช่องทางการทำกำไรจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้น หรือราคาหุ้นรายตัว ทำไมต่างชาติจะทิ้งโอกาส ในเมื่อไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายของตลาดหุ้นและนักลงทุนภายในประเทศ
การทำกำไรหุ้นขาลงโดยการ SHORT SELL ง่ายกว่าการทำกำไรหุ้นขาขึ้น เพราะแนวโน้มตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลง จากปัจจัยลบกดดันรอบด้าน และยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวกลับในระยะสั้น
นักลงทุนต่างชาติจึงแห่ปรับกลยุทธ์ เล่นหุ้นขาลง SHORT SELL กันฝุ่นตลบ และไม่รู้ว่า รายการ NEKED SHORT เล็ดลอดออกมาเท่าไหร่
ยอดการขายหุ้นสุทธิสะสมของต่างชาตินับจากต้นปีจนสิ้นวัดวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 112,205 ล้านบาท โดยเดือนมิถุนายนนี้ขายหนักอย่างต่อเนื่อง แต่แรงขายเริ่มชะลอตัวลงแล้ว
วันที่ 26 มิถุนายน ยอดขายหุ้นของต่างชาติลดลงเหลือเพียง 831 ล้านบาท ซึ่งอาจเกิดจากมาตรการ UPTICK RULE ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่สัปดาห์หน้า
การ SHORT SELL เพื่อทุบราคาหุ้นคงทำยากขึ้น เหลือแต่เพียงการควบคุมรายการ NAKED SHORT ให้อยู่หมัดเท่านั้น
มาตรการป้องกันการทำ SHORT SELL เพื่อกดราคาหุ้น จะทำให้ธุรกรรม SHORT SELL ลดลง และต่างชาติอาจต้องกลับมาซื้อหุ้นคืน เพื่อนำหุ้นที่ขอยืมมาส่งมอบคืน อาจพลิกสถานการณ์ตลาดหุ้นจากภาวะตกต่ำสุดขีดให้กระเตื้องกลับขึ้นมาบ้าง
สภาพตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว โดยความผันผวนของดัชนีลดลง และแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ซึ่งอาจเป็นผลพวงของมาตรการ UPTICK RULE
แต่ผลที่จะประเมินได้ชัดเจนมากขึ้นต้องรอให้ UPTICK RULE บังคับใช้จริงวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ซึ่งนักลงทุนกำลังตั้งความคาดหวังว่า
ตลาดหุ้นจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ปรับตัวสู่ขาขึ้นบ้างเมื่อหยุดธุรกรรมฝรั่งทำ SHORT SELL ทุบหุ้น
