วันพุธที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก โดยนักลงทุนสถาบันกลับมาไล่ซื้อหุ้น มียอดซื้อสุทธิกว่า 2,135 ล้านบาท กลายเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ และผลักดันให้ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นกว่า 5 จุด
แรงซื้อแรงขายของนักลงทุนสถาบันแทบทั้งหมดเป็นแรงซื้อแรงขายของกองทุนรวมในประเทศ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีเทขายหุ้นมาตลอด โดยมียอดขายหุ้นสุทธิสะสมเมื่อสิ้นสุดวันที่ 20 กรกฎาคมกว่า 1 แสนล้านบาท และเฉพาะเดือนกรกฎาคมมียอดขายหุ้นสะสม 11,027 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยทำหน้าที่เป็นผู้รับเหมา รับเละเพราะช้อนซื้อหุ้นต้นทุนแพงแต่เพียงผู้เดียว มียอดซื้อหุ้นสะสม 12,669 ล้านบาท
หุ้นที่ขยับไปไหนไม่ได้ไกลเพราะกองทุนเป็นตัวฉุด ถล่มขายหุ้นต่อเนื่อง จนกลายเป็นตัวร้ายในสายตานักลงทุน
กองทุนในประเทศ หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 26 แห่ง จากอดีตมีเพียงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม จำกัด (มหาชน) หรือ MFC อยู่เพียงแห่งเดียว
แต่หลังจากการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อปี 2535 จึงมีการอนุมติการจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มนักลงทุนสถาบัน เพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้น
เพราะแต่เดิมนักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนการซื้อขายหุ้นสูงถึงประมาณ 70% ของมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาด ทำให้ตลาดผันผวนง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยลบกระทบ สร้างความตื่นตระหนกให้นักลงทุนรายย่อยจะเกิดการเทขายในลักษณะหนีตาย จนตลาดหุ้นทรุดฮวบหรือเกิดวิกฤตในหลายครั้ง
กองทุนรวมถูกคาดหวังว่าจะเป็นนักลงทุนที่ซื้อหุ้นเพื่อการลงทุนระยะยาว และจะช่วยกอบกู้ตลาดหุ้นในยามที่เกิดวิกฤต โดยการเข้ามาช้อนซื้อหุ้นเก็บเมื่อหุ้นตกหนักๆ
แต่บทบาทของกองทุนปัจจุบันผิดจากเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้แต่แรก เพราะไม่ได้มีส่วนในการรักษาเสถียรภาพตลาดแต่อย่างใด มีการซื้อขายหุ้นถี่ในลักษณะเดียวกันกับนักลงทุนรายย่อยหรือต่างชาติ
และในยามที่ตลาดหุ้นผันผวน ไม่ได้เข้ามาช่วยซื้อหุ้นเพื่อประคองสถานการณ์การลงทุน แต่ยังเทขายหุ้น ซ้ำเติมให้ตลาดหุ้นเลวร้ายลงอีกด้วย
ปีนี้เป็นอีกตัวอย่างในการเปลี่ยนไปของพฤติกรรมกองทุนในประเทศจากเจตนารมณ์ที่ตั้งขึ้น เพราะทุบหุ้นไม่ยั้ง ขายหุ้นไม่เลี้ยง ปล่อยให้นักลงทุนรายย่อยทำหน้าที่เป็นหน่วยกล้าตายแทน
หุ้นตัวแดงเมื่อไหร่ นักลงทุนรายย่อยเฮโลเข้าไปซื้อเก็บ แม้แนวโน้มตลาดจะอยู่ในช่วงขาลงก็ตาม
อย่างไรก็ตาม กองทุนเริ่มกลับมาซื้อแล้ว เพียงแต่ต้องเฝ้าติดตามว่ากองทุนเปลี่ยนมุมมอง ปรับกลยุทธ์ และจะกลับมาไล่ซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพราะอาจซื้อชั่วคราว ก่อนกลับไปปักหลักถล่มขายอีกก็ได้ จึงอย่าเพิ่งไว้วางใจกองทุน
แต่เป็นความหวังเล็กๆ เมื่อกองทุนกลับมาซื้อหุ้น โดยราคาหุ้นปรับตัวลงมาลึกอาจสร้างแรงจูงใจให้กองทุนเพิ่มน้ำหนักลงทุน และทยอยซื้อหุ้นคืน ซึ่งหากกองทุนกลับมาจริง ทิศทางตลาดหุ้นอาจเปลี่ยนไป โดยความผันผวนจะลดลง และดัชนีคงไม่รูดลงไปต่ำกว่า 1,500 จุด
และหากต่างชาติไม่ถอนทัพกลับ หรือยังซื้อหุ้นเหมือนช่วง 5 เดือนแรกที่เก็บหุ้นสะสมไว้ 1.42 แสนล้านบาท สมทบด้วยแรงซื้อจากกองทุน ตลาดหุ้นฟื้นได้เหมือนกัน
ปรากฏการณ์กองทุนซื้อหุ้นกว่า 2 พันล้านบาทเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ช่วยให้ความรู้สึกของนักลงทุนรายย่อยดีขึ้น มีความหวังว่า กองหนุนจะช่วยขับเคลื่อนดัชนีให้เดินหน้าต่อ
แต่เร็วเกินไปที่จะมั่นใจว่ากองทุนเปลี่ยนบทจากผู้ร้ายเป็นพระเอก กลับใจมาไล่ซื้อหุ้น และปลุกบรรยากาศการลงทุนให้ฟื้นคืนสู่ความคึกคัก
เชิญนักลงทุนมือใหม่ร่วมสัมมนา หัวข้อ เลือกซื้อหุ้นอย่างไรไม่พลาดติดดอย โดย สุนันท์ ศรีจันทรา คอลัมนิสต์หุ้น หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศา เฟ้นหุ้นแนวโน้มดี 5 เดือนหลังผ่านมุมมอง จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.00-16.30 ณ MINT TOWER ถนนบรรทัดทอง
ค่าสัมมนาท่านละ 1,000 บาท รวมอาหารว่าง
รับจำนวนจำกัด 30 ท่าน พร้อมคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องต่อ 1 ท่าน
ผู้ร่วมเข้าสัมมนาจะต้องตรวจ ATK ล่วงหน้าก่อน 1 วัน แสดงผลหน้าห้องลงทะเบียนสัมมนา
สำรองที่นั่งติดต่อ คุณระวี โทรศัพท์ 09-1819-4787