ปูนซิเมนต์ไทยปรับเป้าการเติบโตของรายได้เหลือ 10% หลังปัจจัยลบรุมเร้า กระทบการดำเนินธุรกิจ เดินหน้าปรับแผนรัดเข็มขัด ตัดขายธุรกิจไม่ทำกำไร เตรียมออกหุ้นกู้ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเก่าที่จะครบกำหนดเดือน พ.ย.67 มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท และรองรับการดำเนินธุรกิจ ขณะครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 252,461 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติปันผลหุ้นละ 2.50 บาท
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า ปีนี้ต้องปรับเป้ารายได้เหลือเติบโตจากเดิม 20% เหลือเพียง 10% เนื่องจากโครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ ได้เลื่อนการเปิดโครงการเพื่อเดินเครื่องผลิตจากเดิมที่คาดว่าจะเดินเครื่องได้ในไตรมาส 2 เดือน ต.ค.ปี 67 กอปรกับภาวะปัญหาสงคราม รวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ที่สำคัญการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ ส่งผลให้จีนไม่อาจส่งสินค้าไปขายได้ ดังนั้น สินค้าจากจีนจึงทะลักเข้ามามากขึ้น รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือน ส่งผลให้กำลังซื้อกลุ่มกลางถึงล่างลดลง ทำให้ บริษัทต้องปรับตัวทุกด้าน
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ SCC ต้องหันมาวางแผนธุรกิจใหม่ด้วยการธุรกิจที่ไม่สร้างผลกำไรในระยะยาวออก เช่น SCG express และ green construction solutions ขณะเดียวกัน ต้องหันไปเน้นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่าง โซลาร์รูฟ ธุรกิจพลังสีเขียว แบตเตอรี่ เป็นต้น ซึ่งในครึ่งปีหลังคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 17,600 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจตามแผน
นายธรรมศักดิ์ กล่าวถึงแผนการเสนอขายหุ้นกู้ให้ประชาชนทั่วไป วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินมารีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเก่าที่จะครบกำหนดเดือน พ.ย.นี้ วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินที่เหลือจะไว้รองรับการขยายงาน รวมกับกระแสเงินสดปัจจุบันที่มีอยู่ 7.8 หมื่นล้านบาท
สำหรับผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ SCC มีรายได้ 128,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวด 3,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากไตรมาสก่อนและมีรายได้ 128,195 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งแรกของปี 67 มีรายได้ 252,461 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมีสัดส่วนยอดขายจาก SCGC 39% SCGP 27% เอสซีจี ซีเมนต์ แอนด์ กรีนโซลูชัน 16% เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล 13% และ บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) 5%
แม้บริษัทได้รับผลกระทบจากวัฏจักรปิโตรเคมีโลกยังอยู่ในช่วงขาลง ความตึงเครียดจากความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้น SCC ต้องเพิ่มความฟิตทางธุรกิจ สร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงานด้วย บริหารต้นทุนพลังงาน เช่น ธุรกิจซีเมนต์ในไทยเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทดแทนได้ 47% โฟกัสธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น มุ่งธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจรสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม และหยุดดำเนินการธุรกิจที่ไม่สร้างการเติบโต ซึ่งที่ผ่านมามีธุรกิจที่หยุดดำเนินการแล้ว เช่น SCG Express และ ธุรกิจ Green Struction Solution บาง Segment
รวมทั้งปรับปรุงการจัดเก็บ ขนส่ง กระจายสินค้า เช่น ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลวางแผนการจัดส่ง ตรวจรับสินค้า ช่วยลดเวลาทำงาน ลดความเสียหาย ลดโอกาสผิดพลาดในการรับส่ง ประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเอสซีจี เคมิคอลส์ใช้โซลูชัน AI จาก REPCO NEX ในการดูแลเครื่องจักรและซ่อมบำรุงได้อย่างแม่นยำ มีเสถียรภาพ (Reliability) ถึงร้อยละ 100 และสุดท้ายมุ่งส่งมอบโซลูชันที่ฟังก์ชันและราคาตรงกับความต้องการของลูกค้า เพื่อลดการเหลือทิ้ง
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2567 อัตรา 2.50 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลวันที่ 23 สิงหาคม 2567 กำหนดวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล (XD) วันที่ 7 สิงหาคม 2567 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 8 สิงหาคม 2567
