xs
xsm
sm
md
lg

SCGPคงเป้ารายได้ปีนี้1.5แสนล. เผยกำไรครึ่งปีแรก3.18พันล้านบาทโต17%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



SCGP โชว์กำไรครึ่งปีแรก 3,178 ล้านบาท โตขึ้น17% มาจากปริมาณขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและสายธุรกิจเยื่อและกระดาษเพิ่ม มั่นใจทั้งปี67 ทำรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.5แสนล้านบาท จับตาปิดดีลM&Pเพิ่ม 1โครงการ

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขาย 68,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและสายธุรกิจเยื่อและกระดาษที่เพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 3,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากปริมาณและราคาขายที่สูงขึ้น ส่วนการใช้อัตรากำลังการผลิต (Utilization rate) เพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์หลักควบคู่ไปกับการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ


ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2567 มีรายได้จากการขาย 34,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น การท่องเที่ยวและส่งออกฟื้นตัว ส่งผลดีต่อยอดขายบรรจุภัณฑ์ของ SCGP ในอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น และมีกำไรสำหรับงวด 1,453 ล้านบาท ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลที่ปรับขึ้น

ภาพรวมความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีแรก ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งได้รับแรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตร อาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋อง และบรรจุภัณฑ์กลุ่มสินค้าคงทน ส่วนธุรกิจเยื่อและกระดาษ ยอดขายบรรจุภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้นจากปัจจัยการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวควบคู่กับการเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตอาหารและร้านอาหารบริการด่วน

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในช่วงครึ่งหลังของปี2567 มองว่ามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากภาคการผลิต การบริการและการใช้จ่ายที่ดีขึ้น รวมถึงการดำเนินนโยบายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน


“SCGP คงเป้ารายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 1.5 แสนล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ทำได้แล้วกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท และในช่วงครึ่งหลังมองว่ายังมีโอกาสเติบโต โดยเฉพาะไตรมาส 3/2567 ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ จะเริ่มผลิตเพื่อสต๊อกสินค้าเพิ่มขึ้นสำหรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ รวมทั้งเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลัง SCGP มุ่งสร้างการเติบโตต่อเนื่อง โดยยังคงงบลงทุนรวมในปีนี้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยใช้ไปแล้วประมาณ 3.1 พันล้านบาท “

ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทสร้างการเติบโตร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ(M&P)ในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูงคาเว่าปิดดีลอย่างน้อย 1ดีล ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเป็นธุรกิจเฮลท์แคร์ รวมทั้งการซื้อหุ้นเพิ่มใน PT Fajar Surya Wisesa Tbk. (Fajar) ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเซีย ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้

ล่าสุด SCGP ได้เข้าถือหุ้น 90% ในบริษัทวีอีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด (VEM-TH) ที่มีความเชี่ยวชาญการผลิตชิ้นส่วนสมรรถนะสูงจากการฉีดขึ้นรูปพอลิเมอร์และมีห้องปลอดเชื้อที่ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล มีสายการผลิตสินค้าทั้งสิ้น 30 สายการผลิต ซึ่งสามารถผลิตสินค้าได้กว่า 59 ล้านชิ้นต่อปี เพื่อรุกขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการ

นอกจากนี้ SCGP ได้รับการรับรอง “คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์” จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ครอบคลุมกลุ่มสินค้าตั้งแต่ เยื่อกระดาษ กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษถ่ายเอกสาร กระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์พลาสติก บรรจุภัณฑ์อาหาร และได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากกระบวนการพิมพ์และการขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์กระดาษรวม 16 กระบวนการ ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์กระดาษ ที่สามารถระบุปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามกรอบแนวทางการประเมินของ อบก. เพื่อตอบสนองความต้องการใช้นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมของลูกค้าและผู้บริโภค

นายวิชาญ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2567 คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2567 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 1,073 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 21 ส.ค.2567


กำลังโหลดความคิดเห็น