SCC ทุ่มงบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาทในปีนี้เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำและนวัตกรรมกรีน ดันสัดส่วนยอดขาย SCG Green Choice อยู่ที่ 53-55% ของยอดขายรวม ตั้งเป้าปี 73 ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 67% พร้อมเดินหน้าความเป็น "องค์กรแห่งโอกาส" เพื่อส่งเสริมให้คนทุกเจนมีพื้นที่แสดงพลังและปล่อยแพสชันไร้ขีดจำกัด เพื่อก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) (SCG) เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทตั้งงบลงทุนในการพัฒนากระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำและนวัตกรรมกรีนกว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจีซีเมนต์ แอนด์กรีนโซลูชัน และเอสซีจี คลีนเนอร์ยี ช่วยเพิ่มกำลังผลิตพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายผลิตภัณฑ์สีเขียว (SCG Green Choice) มีสัดส่วน 53-55% ของรายได้ ใกล้เคียงปีก่อนที่มีสัดส่วนราว 53% เนื่องจากโครงการปิโตรเคมีครบวงจรลองเซิน เคมิคอลส์ (LSP) ที่ประเทศเวียดนามจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3 นี้ ทำให้สัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์สีเขียวแกว่งตัวอยู่ที่ 53% อย่างไรก็ดี บริษัทตั้งเป้าหมายว่าในปี 2573 ยอดขาย SCG Green Choice จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 67% ของยอดขายรวมในปี 2573
นายธรรมศักดิ์กล่าวต่อไปว่า การพัฒนานวัตกรรมกรีนเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาโลกเดือด และเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันสนับสนุนเลือกใช้นวัตกรรมกรีนที่ตอบโจทย์ การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ไม่ง่าย เพราะต้องปรับเปลี่ยนทั้งเทคโนโลยี ความเข้าใจลูกค้าและตลาด รวมถึงกฎเกณฑ์ใหม่ๆ ซึ่ง 'พลังของคน' เป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงนี้
ดังนั้น SCC จึงเปิดพื้นที่สร้าง 'องค์กรแห่งโอกาส' (Organization of Possibilities)
เพื่อให้ทุกคนทั้งพนักงาน พาร์ตเนอร์ คนทุกเจนมีพื้นที่แสดงพลังและปล่อยแพสชันไร้ขีดจำกัด คิดทำนอกกรอบ ทดลองเรียนรู้ เพื่อพัฒนานวัตกรรมกรีนที่ตอบโจทย์ลูกค้า สังคม สิ่งแวดล้อม และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ
เอสซีจี องค์กรแห่งโอกาสต่างๆ ประกอบด้วย 1. โอกาสเปลี่ยนไอเดียเป็นนวัตกรรม เช่น ให้พนักงานก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการกับโครงการสตาร์ทอัพภายในองค์กร 'ZERO TO ONE by SCG' โดยติดอาวุธทักษะความรู้ ตั้งแต่เริ่มทำความเข้าใจลูกค้า ค้นหาปัญหา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้า และการขยายฐานลูกค้าเพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม ปัจจุบันมีสตาร์ทอัพในโครงการ 100 สตาร์ทอัพ เช่น 'Wake Up Waste' แพลตฟอร์มรถบีบอัดขยะ ช่วยให้ขยะเล็กลง ขนส่งได้ปริมาณมากขึ้น
2. โอกาสพัฒนานวัตกรรมระดับโลก
สนับสนุนการวิจัยภายในองค์กรและร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เช่น ร่วมกับ 'Norner AS' ศูนย์วิจัยและพัฒนาพลาสติก ประเทศนอร์เวย์ และ 'มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด' ประเทศอังกฤษ พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน รวมทั้งร่วมมือกับสตาร์ทอัพจากสหรัฐอเมริกา 'Rondo Energy' เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ เช่นแบตเตอรี่กักเก็บความร้อนจากพลังงานสะอาด และ 3. โอกาสร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ประชาสังคมเพื่อรวมพลังสร้างสังคมคาร์บอนต่ำที่เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน เช่น ขับเคลื่อน 'สระบุรีแซนด์บ็อกซ์' สร้างเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย พาไทยมุ่งสู่ Net Zero
“SCC ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ในปี ค.ศ. 2050 หรืออีก 26 ปีข้างหน้า ซึ่งจะใช้ CEO 3 คน โดยผม มีหน้าที่ทำให้บริษัทลดการปล่อยคาร์บอนลง 25% CEO คนถัดไป เดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และ CEO คนที่ 3 ผลักดันให้ SCC บรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050”