การสรรหากรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคนใหม่หรือคนที่ 14 ทำให้เกิดคำถามตามมาทันที
ตลาดหุ้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาหรือไม่
ปัญหาโปรแกรมการซื้อขายด้วยระบบปัญหาประดิษฐ์ หรือ ROBOT TRADING SHORT SELL และ NAKED SHORT จะถูกยกเลิกหรือไม่
และตลาดหุ้นที่กำลังตกต่ำสุดขีด ดัชนีหุ้นใกล้หลุด 1,300 จุด จะฟื้นคืนสู่ความคึกคักหรือไม่
นายอัสสเดช คงศิริ ได้รับเลือกเป็นกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนใหม่ และจะเข้ามารับตำแหน่ง หลังนายภากร ปิตธวัชชัย เกษียณอายุในเดือนกันยายนนี้
ประวัตินายอัสสเดช เป็นใคร มาจากไหน มีวิสัยทัศน์อย่างไร จึงได้รับเลือก ไม่สำคัญเท่าถาม
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่จะเข้ามากอบกู้ แก้ไข และฟื้นฟูตลาดหุ้นอย่างไร ให้คืนสู่ความคึกคักสดใส ช่วยให้นักลงทุนที่กำลังจมอยู่ในความทุกข์ได้มีความหวังขึ้นมาใหม่
วิสัยทัศน์เกี่ยวกับการแก้ปัญหาหรือพัฒนาตลาดหุ้นของนายอัสสเดช ย่อมดีและเข้าตาคณะกรรมการสรรหาผู้จัดการตลาดหุ้นคนใหม่ มากกว่านายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งอีกคน ซึ่งอาจมีวิสัยทัศน์ไม่แตกต่างจากนายภากร จึงไม่ผ่านการคัดเลือก และยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรองผู้จัดการทันที
นายอัสสเดช เข้ามารับตำแหน่งท่ามกลางกระแสการเรียกร้องให้ยกเลิกระบบ ROBOT SHORT SELL และการปราบปราม NAKED SHORT ให้สิ้นซากที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง
หลังจากตลาดหุ้นเกาหลีใต้ประกาศขยายเวลาการห้าม SHORT SELL ซึ่งจะหมดในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้แล้ว และจะเพิ่มโทษคนกระทำผิด โดยจำคุกตลอดชีวิตอีกด้วย
โครงสร้างตลาดหุ้นหลักของเกาหลีใต้ ประกอบด้วยนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมีสัดส่วนมูลค่าซื้อขายหุ้นประมาณ 26% ของมูลค่าซื้อขายรวม นักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนมูลค่าซื้อขายประมาณ 55% และนักลงทุนสถาบันมีมูลค่าซื้อขายประมาณ 19%
ส่วนการซื้อขายด้วย ROBOT มีสัดส่วนประมาณ 22% ของมูลค่าซื้อขายทั้งตลาด
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ไม่กังวลแม้แต่น้อย ไม่รู้สึกว่าจะต้องเอาใจนักลงทุนต่างชาติในการห้าม SHORT SELL แตกต่างจากผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ของไทย ที่กลัวต่างชาติจะทิ้งตลาดหุ้นไทย จนไม่กล้าห้าม SHORT SELL
การยกระดับควบคุมการ SHORT SELL ที่เข้มข้น มีบทลงโทษที่รุนแรงถึงขั้นติดคุกตลอดชีวิตของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปลุกความเคลื่อนไหวของนักลงทุนในประเทศให้ลุกโชนขึ้นระลอกใหม่
ไม่มีใครคาดหวังกับนายภากร แล้ว เพราะยืนกระต่ายขาเดียวมาตลอด ไม่ยอมยกเลิก ROBOT SHORT SELL
ทุกฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมนายภากร จึงไม่ยอมทบทวนการซื้อขายด้วย ROBOT ไม่สั่งห้าม SHORT SELL จนนำไปสู่คำถามในด้านลบ
นายภากร มีความสนิมสนม มีสายสัมพันธ์พิเศษหรือมีผลประโยชน์ใดกับโบรกเกอร์รายใหญ่ที่มีลูกค้าต่างชาติเทศและซื้อขายด้วย ROBOT หรือไม่
เพราะ ROBOT SHORT SELL และ NAKED SHORT เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นทรุดหนักมาหลายปี แต่นายภากร กลับไม่จัดการอะไรเสียที
นายอัสสเดช กลายเป็นความหวังใหม่ของนักลงทุนในตาดหุ้น และแน่นอนว่า เป็นว่าที่ผู้จัดการตลาดหุ้นคนใหม่ที่มีวิสัยทัศน์แตกต่างจากนายภากร มีมุมมองปัญหา ROBOT และ SHORT SELL รวมทั้ง NAKED SHORT ที่แตกต่าง
ผู้จัดการตลาดหุ้นคนที่ 14 มาพร้อมกับภารกิจ จัดการกับ ROBOT ห้าม SHORT SELL และปราบปราม NAKED SHORT
ทันทีที่รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ การแถลงนโยบายการแก้ปัญหาตลาดหุ้นในครั้งแรกอาจประกาศห้าม SHORT SELL ในทันที และจะเป็นข่าวดีชิ้นใหญ่ที่ปลุกตลาดหุ้นให้ตื่นจากหลับใหล ฟื้นคืนชีพสู่ความคึกคัก
นักลงทุนจำนวนหลายล้านคนที่ซึมเศร้าตลอดยุคนายภากร จะได้มีรอยยิ้มกลับมาอีกครั้งในยุคนายอัสสเดช
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลายเป็นองค์กรที่มุ่งแสวงหากำไรสูงสุดมายาวนานมาก พนักงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ในทุกระดับกลายเป็นมนุษย์ทองคำรุ่นสุดท้ายที่ยังไม่สูญพันธุ์ รายได้พนักงานจำนวนประมาณ 800 คน เฉลี่ยเดือนละ 2.28 แสนบาทต่อคน
กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนเดียว รายได้รวมตกปีละประมาณ 30 ล้านบาท
นักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนเกือบ 3 ล้านคน ตกอยู่ในสภาพถูกทอดทิ้ง เสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือ และขอให้ช่วยแก้ปัญหา ROBOT SHORT SELL และ NAKED SHORT ไม่เคยได้รับการตอบสนอง
การเปลี่ยนตัวกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขององค์กรตลาดหลักทรัพย์ฯ และบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น
แนวคิดการรับบริษัทจดทะเบียนใหม่ในเชิงปริมาณ แนวคิดการเป็นองค์กรที่มุ่งแสวงหากำไรสูงสุด นำความมั่นคั่งมาแบ่งปันเฉพาะคนในองค์กรตลาดหลักทรัพย์
จะต้องถูกทำลาย
การปฏิวัติมาตรการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนที่อ่อนแอ จนโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเต็มไปหมดในตลาดหุ้น และการฟื้นฟูบูรณะมาตรการปกป้องผลประโยชน์ผู้ลงทุนที่เข้มข้น จะต้องเกิดขึ้นอย่างจริงจังในยุคผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนที่ 14
นักลงทุนกำลังรอยคอยการเข้ามาของ "อัสสเดช คงศิริ" ภายใต้ความหวังว่าจะเป็นผู้เข้ามาปลุกตลาดหุ้นให้ฟื้นสู่ความสดใส
การก้าวเข้ามาของผู้จัดการตลาดหุ้นคนที่ 14 อาจเป็นจุดเริ่มต้นในจุดจบยุคมืดของตลาดหุ้นที่กินเวลายาวนานหลายสิบปี
