แรงขาย sell on fact ฉุดหุ้นไทยปิด -6.13 จุด นักวิเคราะห์เผยแรงกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่ที่งบไตรมาสแรกออกมาไม่ดี เช่น BJC และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ส่วนใหญ่ที่เปิดงบออกมาแย่กว่าคาด มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,380 จุด และแนวรับที่ 1,360 จุด แนะนักลงทุนจับตารายงานเงินเฟ้อเดือน เม.ย.ของสหรัฐคืนนี้
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 15 พ.ค. 2567 ปรับตัวลดลง -6.13 จุด หรือ -0.45% โดยปิดตลาดที่ 1,370.44 จุด มูลค่าซื้อขาย 49,705.59 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการลงทุนในวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวันจนกระทั่งปิดตลาด โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,378.36 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,366.85 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 164 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 151 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 342 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -2,638.18 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,493.08 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +907.37 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +237.73 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.LH มูลค่าการซื้อขาย 2,182.85 ล้านบาท ปิดที่ 6.75 บาท ลดลง 0.30 บาท
2.NEX มูลค่าการซื้อขาย 1,758.95 ล้านบาท ปิดที่ 4.08 บาท ลดลง 1.77 บาท
3.KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,690.27 ล้านบาท ปิดที่ 40.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,686.54 ล้านบาท ปิดที่ 67.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
5.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,363.60 ล้านบาท ปิดที่ 72.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SAPPE ปิดที่100.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.25บาท หรือ 3.34%
2.KCE ปิดที่40.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 5.19%
3.STGT ปิดที่10.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 10.53%
4.CENTEL ปิดที่45.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 2.23%
5.ADVANC ปิดที่206.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.49%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่253.00บาท ลดลง 3.00บาท หรือ 1.17%
2.MOSHI ปิดที่48.75บาท ลดลง 2.75บาท หรือ 5.34%
3.AEONTS ปิดที่157.50บาท ลดลง 2.50บาท หรือ 1.56%
4.SCC ปิดที่ 247.00 บาท ลดลง 2.00บาท หรือ 0.80%
5.NEX ปิดที่ 4.08 บาท ลดลง 1.77 บาท หรือ 30.26%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,863.87 จุด ลดลง -7.95 จุด หรือ -0.42% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 844.54 จุด ลดลง -3.20 จุด หรือ -0.38% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 380.16 จุด ลดลง -5.11 จุด หรือ -1.33%
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง โดยปัจจัยกดดันมาจากแรงขาย sell on fact หลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ออกมาแล้ว โดยมีแรงกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่ที่งบไตรมาสแรกออกมาไม่ดี เช่น BJC และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ส่วนใหญ่งบฯออกมาแย่เช่นกัน
ขณะที่ตลาดยังคงรอติดตามการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือน เม.ย.ที่จะประกาศออกมาในคืนนี้ ทำให้อาจมีแรงขายลดความเสี่ยงออกมากดดันเพิ่มเติม ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน แต่ตลาดหุ้นฮ่องกงและเกาหลีใต้วันนี้ปิดทำการ
"แนวโน้มพรุ่งนี้ขึ้นกับ CPI เดือน เม.ย.ของสหรัฐ หากออกมาต่ำกว่าที่คาดว่า Core CPI จะเพิ่มขึ้น 0.3% MoM และเพิ่มขึ้น 3.6% YoY จะส่งผลบวกต่อภาพรวมของตลาดหุ้น และต้องรอติดตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐคืนนี้ โดยมองแนวต้านที่ 1,380 จุด และแนวรับ 1,360 จุด" นายวีระวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย