หุ้นไทยปิดตลาด +2.61 จุด นักวิเคราะห์ชี้ วันนี้หุ้นไทยแกว่งแคบ แย่กว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง จีน ญี่ปุ่นที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรง ตอบรับตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ หนุนให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ มองกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้าแนวรับที่ 1,360 จุด และแนวต้าน 1,380 จุด แนะจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ในวันที่ 14 พ.ค.และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน เม.ย. ของสหรัฐฯ ในวันที่ 15 พ.ค.67
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 10 พ.ค.2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +2.61 จุด หรือ +0.19% โดยปิดตลาดที่ 1,371.90 จุด มูลค่าซื้อขาย 36,380.95 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ปรับตัวผันผวนสลับทั้งแดนบวกและลบในระหว่างวันทำการ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,372.32 จุด ในทิศทางตรงกันข้ามที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,365.92 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 240 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 192 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 229 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -615.98 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +91.11 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +203.33 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +321.53 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,478.06 ล้านบาท ปิดที่ 59.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
2.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,329.12 ล้านบาท ปิดที่ 206.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
3.CRC มูลค่าการซื้อขาย 1,129.52 ล้านบาท ปิดที่ 30.75 บาท ลดลง 1.50 บาท
4.BBL มูลค่าการซื้อขาย 932.64 ล้านบาท ปิดที่ 139.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 926.77 ล้านบาท ปิดที่ 66.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่254.00บาท เพิ่มขึ้น 5.00บาท หรือ 2.01%
2.BBL ปิดที่139.00บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.09%
3.SISB ปิดที่40.50บาท เพิ่มขึ้น 1.25บาท หรือ 3.18%
4.MTC ปิดที่48.00บาท เพิ่มขึ้น 1.25บาท หรือ 2.67%
5.TKN ปิดที่11.20บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 9.80%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.CRC ปิดที่30.75บาท ลดลง 1.50บาท หรือ 4.65%
2.MOSHI ปิดที่50.25บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 2.43%
3.SJWD (XD) ปิดที่13.60บาท ลดลง 1.00บาท หรือ 6.85%
4.AEONTS ปิดที่162.00บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.61%
5.SCGP ปิดที่ 31.00 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.36%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,864.14 จุด เพิ่มขึ้น 5.35 จุด หรือ 0.29% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 843.75 จุด เพิ่มขึ้น 2.44 จุด หรือ 0.29% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 386.16 จุด ลดลง -1.42 จุด หรือ -0.37%
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งในกรอบแคบๆ แย่กว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง จีน ญี่ปุ่นที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรง ตอบรับตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ หนุนให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ตลาดหุ้นบ้านเราไม่ได้ปรับตัวขึ้นตาม เนื่องจากอยู่ในช่วงของการประกาศงบไตรมาส 1/67 ซึ่งนักลงทุนจะเข้าลงทุนในหุ้นรายตัว โดยบริษัทที่ผลประกอบการออกมาดีจะบวกได้ดี ส่วนบริษัทที่งบออกมาใกล้เคียงคาดการณ์จะถูกเทขายทำกำไร (Sell on Fact) และบริษัทที่งบออกมาแย่กว่าคาดจะถูกเทขายออกมา ซึ่งนักลงทุนยังคงติดตามการประกาศงบอย่างต่อเนื่อง คาดจะสิ้นสุดในวันที่ 15 พ.ค.นี้
"แนวโน้มการลงทุนวันจันทร์หน้า (13 พ.ค.67) คาดตลาดน่าจะยังแกว่งตัวในกรอบอยู่ จากนักลงทุนติดตามการประกาศงบไตรมาสแรกโค้งสุดท้าย และรอดูการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ในวันที่ 14 พ.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน เม.ย.ของสหรัฐฯ ในวันที่ 15 พ.ค. โดยมองแนวรับไว้ที่ 1,360 จุด และแนวต้าน 1,380 จุด" นายวทัญ กล่าว