เสียงวิพากษ์วิจารณ์ เรียกร้องให้ระงับคำสั่งซื้อขายผ่านโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ หรือ ROBOT TRADING เงียบหายพักหนึ่งแล้ว แต่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง จากนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ซึ่งออกมาแอ่นอก
ยืนยันหนักแน่นว่า ROBOT TRADING ไม่ใช่ตัวการที่ทำให้ตลาดหุ้นตก ไม่ใช่ตัวร้ายที่ทำให้ราคาหุ้นผันผวน แต่กลับช่วยให้ความผันผวนลดลง
นายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน และกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้นำข้อมูลมากมายมาสนับสนุนคำยืนยันว่า ROBOT TRADING ผู้ร้าย
แต่สาเหตุที่หุ้นตกต่ำเป็นผลพวงจากปัจจัยพื้นฐาน และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไม่เติบโตมากนัก
ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยืนกรานมาตลอดว่า ROBOT TRADING ไม่ใช่สาเหตุสำคัญที่ทำให้หุ้นตก และไม่ยอมระงับการใช้โปรแกรมการซื้อขาย
แต่หลังจากกระแสเรียกร้องของนักลงทุนลุกลาม และรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ได้กำชับให้มีมาตรการควบคุมการการยืมหุ้นมาขาย หรือ SHORT SELL และ ROBOT TRADING
ตลาดหลักทรัพย์จึงออกกฎเกณฑ์มากมาย และมีมาตรการควบคุมที่เข้มข้นขึ้น
มาตรการหนึ่งในการกำกับ ROBOT TRADING คือ บทลงโทษของนักลงทุนที่ส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสมผ่าน ROBOT โดยอาจลดวงเงินซื้อขายหุ้น และกำหนดให้กลับมาส่งคำสั่งซื้อขายผ่านผู้แนะนำการลงทุนตามระบบเดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันคำสั่งซื้อขายผ่าน ROBOT ที่ไม่เหมาะสม
การกำหนดโทษของนักลงทุนที่ส่งคำสั่งซื้อขายไม่เหมาะสมผ่าน ROBOT โดยต้องกลับมาซื้อขายในระบบปกติดั้งเดิม ผ่านผู้ให้คำแนะนำการลงทุนหรือมาร์เกตติ้ง เป็นการตอกย้ำโดยปริยายว่า การซื้อขายผ่านโปรแกรมเทรดมีความเหนือชั้นกว่าการสั่งซื้อขายผ่านมาร์เกตติ้ง ซึ่งเป็นระบบการซื้อขายในยุคเก่าที่นักลงทุนรายย่อยในประเทศเกือบทั้งหมดใช้อยู่
ROBOT TRADING แทรกซึมเข้ามาในตลาดหุ้นไทยประมาณปี 2561 ซึ่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีตลาดหุ้นได้พุ่งทะยานสร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,850 จุด แต่หลังจากนั้น ดัชนีปักหัวลงต่อเนื่อง จนวันนี้ยังไม่ฟื้น
นักลงทุนรายย่อยในประเทศนับล้านคนต้องติดหุ้น หรือแบกหุ้นต้นทุนสูง โดยหุ้นที่ซื้อแล้วขาดทุนสะสมกว่า 5 แสนล้านบาทช่วง 7 ปีที่ผ่านมา
ทำไมสถานการณ์เลวร้ายของตลาดหุ้นจึงสอดล้องกับการเข้ามาโจมตีของ ROBOT ทำไมมูลค่าการซื้อขายหุ้นจึงทรุดฮวบลงมาเหลือเพียงวันละ 3-4 หมื่นล้านบาท จากที่เคยเคาะซื้อขายสนั่นหวั่นไหววันละเฉียด 1 แสนล้านบาท
ถ้าโปรแกรมการซื้อขายหุ้นดีจริง ลดความผันผวนหุ้นและเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายจริง ทำไมตลาดหุ้นอินโดนีเซียจึงไม่ต้อนรับ ห้ามนำระบบเข้าซื้อขาย และทำไมอีกหลายตลาดหุ้นจึงมีเงื่อนไขควบคุม ROBOT ไม่ได้เปิดเสรีเต็มที่อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
และตลาดหุ้นสิงคโปร์ที่มูลค่าซื้อขายหุ้นลดวูบลง เพราะนักลงทุนรายย่อยล้มหายตายจาก หมดตัวจนพาเลิกเล่นหุ้น สาเหตุหลัก เป็นเพราะมหาวายร้าย ROBOT หรือไม่
ROBOT TRADING มีความได้เปรียบนักลงทุนรายย่อยทุกประตู สามารถส่งคำสั่งได้รวดเร็วกว่าภายในพริบตา ถอนคำสั่งซื้อหรือขายอย่างฉับไว โดยไม่มีความลังเล ต้นทุนค่านายหน้าการซื้อขายยังต่ำกว่านักลงทุนรายย่อย
การลดชั้นนักลงทุนที่ใช้โปรแกรมเทรด และส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างชาติ โดยห้ามส่งคำสั่งซื้อขายผ่าน ROBOT และต้องกลับไปซื้อขายในระบบเดียวกันกับนักลงทุนรายย่อยในประเทศ เป็นการยืนยันโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเองว่า ROBOT TRADING เป็นการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นที่เหนือชั้นกว่าการส่งคำสั่งซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยในประเทศ
คำถามคือ ทำไมนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงไม่ยอมฆ่าตัดตอนวายร้าย ROBOT
ROBOT TRADING เป็นตัวการทำให้ตลาดหุ้นจริงหรือไหม่ นายไพบูลย์ น่าจะชวนผู้บริหารบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารกลุ่ม บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART หรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนอื่นอีกนับสิบแห่ง ซึ่งราคาหุ้นถูก ROBOT ทุบ จนลงไปกองแน่นิ่งอยู่กับพื้นมาแลกเปลี่ยนทัศนคติกันบ้าง
บางทีหูตานายไพบูลย์ หูตาจะสว่างขึ้น วิสัยทัศน์เปิดกว้างขึ้น และไม่ทำตัวเหมือนเป็นองครักษ์พิทักษ์ ROBOT