ยูเอ็นเตือนเทเธอร์ หนึ่งในสเตเบิลคอยน์ใหญ่ที่สุดของโลก กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมในหมู่แก๊งฟอกเงินและนักต้มตุ๋นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขณะนี้ อย่างไรก็ดี รายงานสำทับว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถจัดการแก๊งวายร้ายหลายกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงินผิดกฎหมายโดยใช้ USDT
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ของอังกฤษรายงานเมื่อวันจันทร์ (15 ม.ค.) โดยอ้างอิงรายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุว่า เหล่าอาชญากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังใช้ USDT ของเทเธอร์ ทำกิจกรรมฉ้อโกงที่รวมถึงแผนการหลอกให้หลงรักหรือที่เรียกว่า pig butchering หรือการเชือดหมู ซึ่งหมายถึงการหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินให้หรือร่วมลงทุน
สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมของยูเอ็นพบว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เอเชียพัวพันกับการฟอกเงินและกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ ที่มีความซับซ้อนและความเร็วสูงที่เกี่ยวข้องกับ USDT มากขึ้น
รายงานของยูเอ็นอ้างอิงตัวอย่างแก๊งฟอกเงินที่ดำเนินการในพม่าและกัมพูชาที่มีการติดป้ายโฆษณา USDT ริมทางและเสนอการแลกเปลี่ยนโทเคน “ดำ” กับเงินสด
อาชญากรรมเหล่านี้ยังขยายสู่แพลตฟอร์มการพนันออนไลน์ที่ดำเนินการอย่างผิดกฎหมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามรายงานของไฟแนนเชียล ไทมส์ แพลตฟอร์มเหล่านี้กลายเป็นตัวเลือกที่โปรดปรานของแก๊งฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ใช้ USDT ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
เจเรมี ดักลาส ผู้บริหารของยูเอ็น ชี้ว่า การถือกำเนิดของคริปโตและเทคโนโลยีใหม่ๆ สามารถสร้างระบบการธนาคารทางเลือกให้กับเหล่าอาชญากร
เขาสำทับว่า แก๊งอาชญากรสร้างระบบการธนาคารคู่ขนานโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ขณะที่การแพร่หลายของคริปโตและกาสิโนออนไลน์ที่มีการกำกับดูแลหลวมๆ หรือไม่มีเลย ช่วยส่งเสริมระบบนิเวศของแก๊งอาชญากรในภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม แม้ USDT เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมายมากขึ้น แต่ยูเอ็นรายงานว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถปราบแก๊งฟอกเงินหลายแห่งที่อยู่เบื้องหลังการโอนเงินทุนผิดกฎหมายโดยใช้ USDT
ที่เป็นข่าวครึกโครมคือเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลของสิงคโปร์เข้าจับกุมองค์กรผิดกฎหมายแห่งหนึ่งและพบเงินสดและคริปโตรวมมูลค่า 737 ล้านดอลลาร์
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เทเธอร์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลของอเมริกาและแพลตฟอร์มเทรดคริปโต OKX อายัดเหรียญ USDT มูลค่า 225 ล้านดอลลาร์ โดยคอยน์สปีกเกอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถสืบสาวต้นตอของเงินดังกล่าวไปถึงแก๊งที่เกี่ยวข้องกับ “การเชือดหมู” และการค้ามนุษย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เทเธอร์ยื่นจดหมายถึงคณะกรรมาธิการการธนาคาร การเคหะ และชุมชนเมืองของวุฒิสภาสหรัฐฯ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการต่อสู้กับกิจกรรมผิดกฎหมายในแวดวงสินทรัพย์ดิจิตอล
ในจดหมายดังกล่าว เทเธอร์เปิดเผยมาตรการเชิงรุก เช่น การใช้เครื่องมือที่จัดทำรายงานเกี่ยวกับธุรกรรมที่ดำเนินการในตลาดรองของเทเธอร์ ซึ่งได้รับมาจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน เชนาไลซิส
นอกจากนั้นเทเธอร์ยังจัดตั้งแผนกกำกับดูแลพร้อมโปรแกรมต่อต้านการฟอกเงินและ know-your-customer หรือการทำความรู้จักลูกค้า เพื่อช่วยให้บริษัทวิเคราะห์ธุรกรรมบนบล็อกเชน ระบุวอลเล็ตที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เป็นปัญหา และป้องกันการอัดฉีดเงินให้กลุ่มก่อการร้าย
จากข้อมูลของดูน อนาลิติกส์ จนถึงขณะนี้เทเธอร์ได้อายัดแอดเดรสกว่า 1,260 แอดเดรสที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมผิดกฎหมาย รวมมูลค่ากว่า 875 ล้านดอลลาร์