เป็นข่าวฉาวโฉ่ขึ้นมาอีกสำหรับการยืมหุ้นมาขาย หรือ SHORT SELL โดยทำรายการผ่านโปรแกรมเทรดดิ้ง หรือ ROBOT TRADING ซึ่งไม่เป็นไปตามกติกาที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด และเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป
มีการพูดถึงกันมานานแล้วสำหรับโบรกเกอร์ต่างด้าวที่มีมูลค่าซื้อขายอันดับต้นๆ เกี่ยวกับการทำ SHORT SELL ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และตลาดหลักทรัพย์ไม่สามารถตรวจสอบได้
และต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการประชุมร่วมระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คัสโตเดียน หรือผู้ดูแลรับฝากสินทรัพย์หรือหุ้น และโบรกเกอร์ประมาณ 10 แห่ง มีการหยิบยกปัญหา SHORT SELL ของโบรกเกอร์ต่างด้าวแห่งหนึ่งซึ่งมีสำนักงานสาขาในสิงคโปร์
โบรกเกอร์ต่างชาติแห่งนี้เชิญชวนนักลงทุนทั่วไปอย่างเปิดเผย ใครที่สนใจทำ SHORT SELL จะมีบริการพิเศษให้ โดยสามารถขาย SHORT ได้ และไม่ต้องใส่เครื่องหมาย S ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การขาย SHORT ตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด
เมื่อไม่ต้องใส่เครื่องหมาย S กำกับ จึงเป็นรายการขายหุ้นตามปกติ และสามารถทำรายการขาย SHORT ในราคา ATO หรือราคาเปิดหุ้นได้ ทั้งที่มีข้อห้ามการขาย SHORT ในราคา ATO
รายการ SHORT SELL จะทำได้ในราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาหุ้นครั้งสุดท้ายหรือสูงกว่าราคาครั้งสุดท้าย ไม่สามารถขาย SHORT ในราคาต่ำกว่าราคาครั้งสุดท้ายได้
แต่กำลังพิจารณาทบทวนการขาย SHORT โดยจะทำได้ในราคาสูงกว่าราคาหุ้นครั้งสุดท้าย
สัดส่วนการ SHORT SELL มีประมาณ 5.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นทั้งตลาด ซึ่งนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ยืนยันว่า SHORT SELL ไม่ใช่ตัวร้ายที่ทุบหุ้น
แต่สิ่งที่นายภากร จะต้องตอบนักลงทุน ตอบโบรกเกอร์ส่วนใหญ่คือ จะจัดการอย่างไรกับโบรกเกอร์ต่างด้าวที่เล่นใต้โต๊ะ SHORT SELL เอาเปรียบคนอื่น
วิธีการแปลงรายการ SHORT SELL ให้เป็นการขายหุ้นตามปกติ เริ่มต้นจากลูกค้ายืมหุ้นจากคัสโตเดียน เมื่อมีหลักฐานการยืมหุ้นมาจริง โบรกเกอร์ต่างด้าวที่มีสาขาในหลายประเทศจะส่งคำสั่งขายหุ้นไปที่สาขาในสิงคโปร์ ก่อนส่งคำสั่งขายผ่านสำนักงานสาขาในประเทศไทย
แต่อำพรางเป็นการสั่งขายหุ้นตามปกติ โดยไม่แจ้งว่าเป็นการขาย SHORT ทำให้สามารถขาย SHORT ได้ทันทีที่เปิดการซื้อขาย ขณะที่นักลงทุนหรือโบรกเกอร์ที่ทำ SHORT SELL ในประเทศไทยไม่สามารถอำพรางการขาย SHORT ได้
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด โบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายหุ้นสูงสุดอันดับ 1 แม้จะมีรายการ SHORT SELL สูง เนื่องจากมีลูกค้าสถาบันจำนวนมาก จึงมีคลังหุ้นที่จะให้ลูกค้ายืมไปขาย แต่เป็นการขาย SHORT ตามกฎกติกา
ส่วนโบรกเกอร์ต่างด้าวที่แหกกฎ SHORT SELL ไม่สามารถตรวจสอบเพื่อลงโทษในความผิดได้ เพราะโบรกเกอร์สำนักงานสาขาในประเทศไทยจะอ้างว่า เป็นคำสั่งของลูกค้าโบรกเกอร์ในต่างประเทศ และไม่ใช่หน้าที่ของโบรกเกอร์ในประเทศไทยที่จะตามไปตรวจสอบว่าเป็นการขาย SHORT หรือไม่
การขาย SHORT ในราคา ATO ทำให้เกิดความได้เปรียบนักลงทุนที่ขาย SHORT รายอื่น เพราะสามารถขายได้ทันที่ในราคาเปิด ขณะที่ลูกค้ารายอื่นจะขาย SHORT ได้หลังราคา ATO เท่านั้น
ธุรกรรมอำพราง การทำ SHORT SELL ของโบรกเกอร์ไทยสัญชาติต่างด้าวถูกตีแผ่ออกมาแล้ว ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์จะตรวจสอบ แก้ไข และลงโทษโบรกเกอร์ที่แหกกฎกติกาได้หรือไม่
แน่นอนว่า ธุรกรรมอำพรางการขาย SHORT ส่งคำสั่งผ่าน ROBOT ซึ่งนักลงทุนทั้งตลาดเรียกร้องให้ตะเพิดพ้นตลาดหุ้น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพิ่งแสดงจุดยืน ต้องการยกเลิก ROBOT TRADE โดยไม่ต้องกังวลว่าต่างชาติจะเข้ามาลงทุนหรือไม่
เพราะตลาดหุ้นไทยตั้งขึ้นเพื่อนักลงทุนไทย และต้องกำหนดกฎกติกาเพื่อปกป้องนักลงทุนไทย
แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเลขาธิการ ก.ล.ต.คนใหม่ ทำไมกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์จึงค้านหัวชนฝา ยืนกระต่ายขาเดียว ไม่ยกเลิก ROBOT
หน่วยงานกำกับดูแลการเงินของเกาหลีใต้ เพิ่งเสนอให้ลงโทษปรับธนาคาร HSBC HOLDING และ BNP PARIBAS เป็นเงินจำนวน 1 หมื่นล้านวอน หรือประมาณ 7.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในความผิด NAKED SHORT หรือการขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ
เกาหลีใต้ประกาศห้าม SHORT SELL จนถึงปี 2568 และกำลังปรับหนักการทำ NAKED SHORT แต่ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ไทย ทำอะไรบ้างกับ SHORT SELL และ NAKED SHORT
และทำอะไรบ้างหรือยังเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน มีมาตรการอะไรบ้างที่กระตุ้นตลาดหุ้น ซึ่งครองแชมป์ตลาดหุ้นยอดแย่ที่สุดในโลกประจำปี 2566
ปัญหา SHORT SELL ปัญหา NAKED SHORT ต้นตอมาจาก ROBOT ทั้งสิ้น ถ้าฆ่าตัดตอน ROBOT ปัญหาทุกอย่างจบ
แต่ทำไม ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์จึงปกป้อง ROBOT ดุจเทพเจ้าที่เคารพ
จะรักษา ROBOT ไว้ เพียงเพื่อแสดงให้โลกรู้ว่า ตลาดหุ้นไทยมีมาตรฐานสากลเท่านั้นหรือ ปล่อยให้นักลงทุนล้มตายเป็นใบไม้ร่วงจนสูญพันธุ์
มาตรฐานสากลที่ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ยึดมั่นถือมั่นนั้นไม่อายแก่ใจบ้างหรือที่มาตรฐานการปกป้องนักลงทุน อยู่ในมาตรฐานที่สุดห่วย เพราะปล่อยปละละเลยให้มิจฉาชีพปล้นนักลงทุนจนเสียหายนับแสนนับล้านรายแล้ว
และยังมีหน้ามาปล่อยให้ต่างชาตินำ ROBOT เข้ามาตีหัวนักลงทุนคนไทย โกยเงินปีละนับหมื่นๆ ล้านกลับบ้านอีก