xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าเงินบาทเปิดที่ระดับ 34.78 ติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ระดับ 34.35-35.15 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.60-34.90 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้ (4 ธ.ค.66) ที่ 34.78 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นมากจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.04 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนก่อนที่จะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 34.72-35.20 บาทต่อดอลลาร์) หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมออกมาแย่กว่าคาด อีกทั้งถ้อยแถลงของประธานเฟด ยังไม่สามารถทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลต่อโอกาสที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และส่วนราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-time High) ซึ่งทำให้ผู้เล่นบางส่วนในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำ โดยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าวมีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท

ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นช่วงท้ายสัปดาห์ หนุนโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำและการอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ ส่วนในสัปดาห์นี้ เรามองว่าควรจับตาไฮไลต์สำคัญ อย่าง รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่อาจสร้างความผันผวนให้ตลาดการเงินได้ และรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของไทย

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่าแม้เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าในช่วงท้ายสัปดาห์ก่อน ทว่าเงินบาทอาจติดอยู่ในโซนแนวรับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ควรระวังความเสี่ยงเงินบาทพลิกอ่อนค่าเร็วและแรง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด อนึ่ง แรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจชะลอลงบ้าง ซึ่งอาจช่วยลดแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ส่วนโฟลว์ธุรกรรมทองคำยังคงส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทได้ ซึ่งต้องจับตาทิศทางราคาทองคำอย่างใกล้ชิด หลังล่าสุดราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นใกล้จุดสูงสุดใหม่ (All-time High) เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรได้

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่าเงินดอลลาร์มีโอกาสกลับมาแข็งค่าขึ้น หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมออกมาดีกว่าคาดและชี้ว่าเฟดอาจไม่รีบลดดอกเบี้ยได้เร็วและลึกอย่างที่ตลาดกำลังคาดการณ์อยู่

นอกจากนี้ เราประเมินว่าความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ Digital Wallet อาจทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนพฤศจิกายน ย่อลงเล็กน้อยสู่ระดับ 60 จุด ทว่าโดยรวมดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ยังคงขยายตัวได้ดี และเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือนพฤศจิกายนทรงตัวใกล้ระดับ 0.60% ทว่า มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ รวมถึงการย่อตัวลงของราคาพลังงาน และระดับฐานราคาสินค้าและบริการที่สูงในปีก่อนหน้า จะกดดันให้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ยังคงอยู่ที่ระดับ -0.30% อย่างไรก็ดี เรามองว่าอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการปรับนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในระยะสั้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยปรับตัวสูงขึ้นและอยู่ในกรอบเป้าหมายของ ธปท. ทำให้ภายใต้การดำเนินนโยบายการเงินแบบ Outlook Dependent ธปท. อาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.50% ไปจนถึงปี 2025
กำลังโหลดความคิดเห็น