วายแอลจีเผยระยะสั้นทองคำยังแกว่งตัวจากความไม่แน่นอนของนโยบายดอกเบี้ยเฟด แต่ระยะสั้นสัญญาณเริ่มมีลุ้นเป็นบวก แนะจับตาหากสามารถยืนเหนือโซน 2,000-2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เทรนด์จะกลับมาเป็นขาขึ้น พบปัจจัยกดดันทั้งทองคำในตลาดโลกและทองคำในประเทศจากการแข็งค่าของเงินบาท ส่วนระยะยาวมั่นใจทองคำต่อไป เผยตัวเลขธนาคารกลางทั่วโลกเข้าสะสมทองคำต่อเนื่องเพื่อป้องกันความเสี่ยงเหตุปะทะจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทยสะสมทองคำเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย อันดับ 11 ของโลก
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ในระยะสั้นทองคำมีความผันผวนเคลื่อนไหวลักษณะดีดกลับสลับปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม โมเมนตัมจะเป็นบวกมากขึ้น หากการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสามารถยืนเหนือโซน 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ได้ และหากดีดตัวทะลุโซน 2,070-2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ได้ จะทำให้ทิศทางทองคำกลับมาเป็นขาขึ้นอีกรอบ เนื่องจากเป็นระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ใกล้เคียงกันถึง 3 ครั้ง อย่างไรก็ตาม หากไม่ผ่าน 2,070-2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ อาจจะมีโอกาสแกว่งตัวลง นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ยังต้องติดตามต่อเนื่อง แม้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะออกมาค่อนข้างดี
ขณะเดียวกัน ทองคำในประเทศได้รับแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมามีสัญญาณแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถ้าหากเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่องจะทำให้ทองคำในประเทศแกว่งตัวลงเช่นกัน จากปัจจัยทองคำในตลาดโลกที่ยังมีโอกาสแกว่งตัวลงในระยะสั้น และทองคำในประเทศที่ได้รับแรงกดดันจากเงินบาท จึงแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นตามรอบ และทยอยขายหากมีกำไร โดยมองกรอบแนวรับระยะสั้นที่ 1,956-1,974 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แนวต้านที่ 2,027-2,048 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้านถัดไปที่ 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนทองคำในประเทศให้แนวรับที่ 32,650-32,950 บาทต่อบาททองคำ แนวต้านที่ 33,850-34,200 บาทต่อบาททองคำ และ 34,750 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยค่าเงินบาท 35.25 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 23 พ.ย.2023 เวลา 10.30 น.)
อย่างไรก็ดี หากราคาทองคำยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง นักลงทุนสามารถใช้จังหวะทยอยสะสม โดยการแบ่งรอบในการซื้อ เนื่องจากปัจจุบันทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความหวั่นไหวด้านภูมิรัฐศาสตร์ ดังจะเห็นได้จากธนาคารกลางทั่วโลกที่สะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์และรองรับเทรนด์การลดการถือครองดอลลาร์สหรัฐ โดยไตรมาส 3/2566 สภาทองคำทั่วโลกได้รายงานว่าเข้าซื้อทองคำสูงสุดในรอบปีสูงกว่าค่าเฉลี่ยรอบ 5 ปีถึง 8% ประเทศที่เข้าซื้อมากสุดคือ จีน โปแลนด์ สิงคโปร์ ลิเบีย และอินเดีย ไม่เว้นแม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยที่สะสมทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยช่วง 3 ปีล่าสุด ไทยถือครองเป็นอันดับ 2 ของเอเชียรองจากจีน และเป็นอันดับ 11 ของโลก
ทั้งนี้ หากนักลงทุนต้องการสะสมทองคำเพื่อสร้างความมั่งคั่งระยะยาว วายแอลจีแนะนำลงทุนแบบ Dollar Cost Average (DCA) วิธีการลงทุนที่ใช้วินัย แทนอารมณ์ ค่อยๆ สะสม หรือออมทองคำอย่างสม่ำเสมอ ผ่านแอปพลิเคชันออมทอง by YLG (Get Gold by YLG) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันซื้อขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง และเข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ทโฟน โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อขายทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาทเท่านั้น ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ App Store และ Play Store หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://bit.ly/40npYkF หรือโทร.0-2678-9888 #2
ทั้งนี้ อีกหนึ่งช่องทางสำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในสกุลเงินบาทและไม่พลาดการทำกำไรส่วนต่างราคาทองคำในประเทศ พร้อมมีที่ปรึกษาด้านการลงทุนส่วนตัวให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด โปรโมชันพิเศษส่งท้ายปีนี้ เปิดพอร์ตซื้อขายทองกับ YLG Online วางเงินเพียงประกัน 50,000 บาท (จากปกติ 100,000 บาท) หรือวางทองเริ่มต้น 2 บาททอง โดยสามารถซื้อทอง 99.99% ได้ทอง 1 กิโลกรัม หรือซื้อทอง 96.5% ได้ทองถึง 10-60 บาททอง ระยะเวลาตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2566 สนใจสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้ที่ : https://bit.ly/3REoCQx