xs
xsm
sm
md
lg

“เศรษฐา” ลุย..สั่งรื้อบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ใบสั่งปรับระบบทำงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และปรับโครงสร้างคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาแล้วจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

อีกไม่นานเกินรอ การเปลี่ยนครั้งใหญ่ 2 องค์กรที่กำกับดูแลตลาดหุ้นจะตามมา ตามเสียงเรียกร้องของประชาชนผู้ลงทุน ซึ่งดังขึ้นหลังความพินาศของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK

ก.ล.ต.ถูกตั้งคำถามในการทำหน้าที่ปกป้องผู้ลงทุน เพราะปล่อยให้นักลงทุนต้องเสียหายย่อยยับจากกรณีบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE และบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK และไม่มีมาตรการเยียวยาใดๆ

โจทย์ของรัฐบาลถูกตั้งไว้แล้ว ทำอย่างไร ก.ล.ต.จะปกป้องนักลงทุนให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด โดยจะตั้งหน่วยปราบปรามการกระทำผิดในตลาดหุ้นของ ก.ล.ต.โดยตรง

เพราะปัจจุบัน เมื่อเกิดปัญหาบริษัทจดทะเบียนกระทำความผิด สร้างความเสียหายให้ประชาชนผู้ลงทุน ก.ล.ต. ต้องร้องให้หน่วยอื่น เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แก้ไข

แต่การพึ่งหน่วยงานอื่นในการปราบกลุ่มมิจฉาชีพในตลาดหุ้น ทำให้การดำเนินคดีมีความล่าช้า และไม่อาจหยุดยั้งความเสียหายของนักลงทุนได้ทันสถานการณ์

รัฐบาลมองว่า ก.ล.ต. รู้ปัญหาดี มีข้อมูลบริษัทจดทะเบียนตั้งแต่ต้น และน่าจะแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว โดยการควบคุมการดำเนินคดี ไม่ต้องส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ

การเข้าควบคุมบริษัทจดทะเบียนที่มีปัญหา และอาจสร้างความเสียหายให้ประชาชนผู้ลงทุน ก.ล.ต.จะต้องมีอำนาจเหมือนธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเมื่อสถาบันการเงินมีปัญหา แบงก์ชาติจะยึดเอกสาร ส่งคนเข้าไปควบคุมกิจการ เพื่อป้องการการเคลื่อนย้ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน และสกัดกั้นเจ้าของบริษัทจดทะเบียนโอนเงินออก ก่อนหนีออกนอกประเทศ

ส่วนปัญหาหุ้นใหม่ราคาต่ำกว่าจอง ก.ล.ต. จะต้องกำกับดูแลบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดจำหน่ายหุ้นหรืออันเดอร์ไรเตอร์ให้เข้มงวดขึ้น มีหลักเกณฑ์กำกับที่ชัดเจน เพื่อลดการการกำหนดราคาหุ้นใหม่ที่นำเสนอขายประชาชนผู้ลงทุนตามอำเภอใจ จนสร้างความเสียหายให้นักลงทุนที่จองซื้อ

เหมือนกับหุ้นใหม่ 7 ตัวล่าสุด ซึ่งราคาต่ำกว่าจองยกเข่ง ประชาชนผู้ลงทุนนับหมื่นรายขาดทุนป่นปี้ แต่ไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ นอกจากเรียกหา “แพะ” กันจ้าละหวั่น

สิ่งที่รัฐบาลตั้งธงสำหรับนโยบายรับหุ้นใหม่ จะต้องเฟ้นบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพ ไม่ใช้มุ่งแต่เชิงปริมาณลูกเดียว ผู้บริหารหุ้นใหม่ต้องไม่ใช่คนโกง และนำหุ้นเข้ามาปล้นเงินนักลงทุนในตลาดหุ้น

โครงสร้างคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ จะต้องถูกรื้อ โดยการทบทวนการคัดเลือกกรรมการ โดยเฉพาะตัวแทนจากบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ ซึ่งมีโควตา 4 คนที่ถูกส่งร่วมเป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ

เพราะปัญหาการกำกับดูแลตลาดหุ้นเกิดจากโครงสร้างคณะกรรมการ จนการทำงานมีความล่าช้า แก้ปัญหาไม่ทันสถานการณ์ และไม่ได้ตระหนักในบาทบทการปกป้องนักลงทุนส่วนใหญ่

ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ใกล้ชิดข้อมูลการซื้อขายรายวัน จึงควรส่งสัญญาณเตือนนักลงทุนได้รวดเร็ว แต่ที่ผ่านมาการส่งสัญญาณเตือนภัยช้าเกินไป จนความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งอาจเป็นผลพวงจากโครงสร้างของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์

เพราะที่มาของกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มาจากผู้มีส่วนได้เสียในตลาดทุน จึงต้องปรับเปลี่ยนกรรมการให้เหมาะสมในการกำกับดูแลตลาดหุ้น ต้องเลือกคนดี ไม่ให้เกิดภาพการส่งคนกลุ่มตัวเองหรือกลุ่มผลประโยชขน์ไปนั่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์

นานมากแล้วที่ไม่มีการยกเครื่อง ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนผู้ลงทุนมาตลอดก็ตาม

รัฐบาลนายเศรษฐา มีคำสั่งแล้ว ต้องรื้อโครงสร้างการทำงานของทั้ง 2 หน่วยงาน

จะต้องกำจัดแก๊งมิจฉาชีพในตลาดหุ้นให้สิ้นซาก จะต้องปกป้องประชาชนผู้ลงทุนไม่ให้เสียหายจากหุ้นเน่าๆ อีก

ไม่ว่าหุ้นใหม่หรือหุ้นเก่าๆ

การปล้นสะดมนักลงทุนในตลาดหุ้นจะต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก อาชญากรในตลาดหุ้นจะต้องไม่ลอยนวลอีกต่อไป








กำลังโหลดความคิดเห็น