xs
xsm
sm
md
lg

ผลงบ บจ.ต่ำกว่าคาด ฉุดความเชื่อมั่นหุ้นไทยปิด -2.44 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดร่วง -2.44 จุด นักวิเคราะห์ชี้หุ้นไทยเจอแรงขาย Sell on fact หลังเปิดผลประกอบการ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ต่ำกว่าที่คาดไว้ แม้ "กิตติรัตน์" ประกาศเรียกความเชื่อมั่นตลาดทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่มีนโยบาย Naked Short Sell มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,380 จุดและแนวต้านที่ 1,400 จุด ประเมินกรอบการลงทุนหุ้นรายตัวยังผันผวน

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 13 พ.ย. 2566 ปรับตัวลดลง -2.44 จุด หรือ -0.18% โดยปิดตลาดที่ 1,387.13 จุด มูลค่าซื้อขาย 46,157.93 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวันโดยมีการปรับตัวขึ้นในแดนบวกช่วงสั้นๆท้ายตลาด โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,392.54 จุด ในทิศทางขาลงที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,378.08 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 150 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 142 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 357หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -813.98 ล้านบาท และ นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -60.96 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +610.19 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +264.75 ล้านบาท และ

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 3,200.96 ล้านบาท ปิดที่ 25.25 บาท ลดลง 1.50 บาท
2.COM7 มูลค่าการซื้อขาย 2,603.87 ล้านบาท ปิดที่ 21.80 บาท ลดลง 4.20 บาท
3.JMT มูลค่าการซื้อขาย 2,376.83 ล้านบาท ปิดที่ 24.10 บาท ลดลง 2.90 บาท
4.BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,199.26 ล้านบาท ปิดที่ 154.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
5.JMART มูลค่าการซื้อขาย 1,783.95 ล้านบาท ปิดที่ 14.10 บาท ลดลง 1.20 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC ปิดที่ 225.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.35%
2.EGCO ปิดที่128.50บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 1.58%
3.CPN ปิดที่ 66.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 2.70%
4.INTUCH ปิดที่ 72.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 2.13%
5.DELTA ปิดที่ 79.25บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.93%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.COM7 ปิดที่ 21.80บาท ลดลง 4.20 บาท หรือ 16.15%
2.BBL ปิดที่154.00บาท ลดลง 3.00บาท หรือ 1.91%
3.JMT ปิดที่ 24.10 บาท ลดลง 2.90 บาท หรือ 10.74%
4.TIPH ปิดที่30.00บาท ลดลง 2.00บาท หรือ 6.25%
5.SCC ปิดที่ 288.00บาท ลดลง 2.00บาท หรือ 0.69%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,902.63 จุด ลดลง -0.69 จุด หรือ -0.04% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 861.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.91 จุด หรือ 0.11% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 386.30 จุด ลดลง -7.47 จุด หรือ -1.90%

นายชาญชัย พันทาธนากิจผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ติดลบเล็กน้อย ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาควันนี้ค่อนข้างผสมผสาน โดยกลุ่มเอเชียเหนือปรับตัวขึ้นได้ดี แต่กลุ่ม TIP ทั้งอินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ อ่อนตัวลงมา ซึ่งตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจาก Sell on fact หุ้นที่ประกาศงบไตรมาส 3/66 ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด เช่น COM7 ที่ร่วงลงไปถึง 16% และ JMT ลงไปกว่า 10%

"วันนี้นายกฯ มอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาฯ หารือหน่วยงานตลาดทุน โดยแถลงออกมา 3 ประเด็น ประกอบด้วย การยืนยันข้อมูลว่าไม่มีการทำ Naked Short Sell ในตลาดหุ้นที่จะยกระดับความเข้มข้นของมาตรการกำกับดูแลขึ้นอีก ส่วนภาครัฐจะเรียกความเชื่อมั่นผ่านการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ GDP โตตามที่หลายฝ่ายคาดหวัง และกระทรวงการคลังนัดหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ถึงแนวทางในการกระตุ้นตลาดทุน คาดว่าจะออกกองทุน ESG Fund ในรูปแบบการลงทุนระยะยาวคล้ายกับ LFT ที่มีมาตรการภาษีสนับสนุน ซึ่งต้องติดตามรายละเอียดต่อไป" นายชาญชัย กล่าว

ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดยังผันผวนเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา นักลงทุนให้น้ำหนักไปที่การติดตามการตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ (14 พ.ย.) ขณะที่ในประเทศ ติดตามวงหารือกระทรวงการคลัง และ FETCO คาดว่าจะนำเสนอรูปแบบของกองทุนต่าง ๆ ที่จะมีขึ้นหลังจากที่ SSF จะหมดอายุมาตรการภาษีในปีหน้า หากมีมาตรการหรือรูปแบบกองทุนใหม่ ๆ เข้ามาอาจจะเป็น Sentiment เชิงบวก นอกจากนั้น ยังเป็นช่วงสุดท้ายของการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนอาจเห็นความผันผวนของหุ้นรายตัวโดยประเมินกรอบแนวรับ 1,380 จุด และแนวต้าน 1,400 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น