โบรกเกอร์ประเมินหุ้นไทยตอนนี้ราคาค่อนข้างถูก ระบุ P/E หุ้นไทยตอนนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5-10 ปีย้อนหลัง และมีโอกาสเห็น Fund Flow กลับเข้ามาในช่วงที่เหลือของปี จากสถิติจะมีเงินไหลเข้าตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.เป็นต้นไป พร้อมประเมิน Forward P/E ปี 66-67 อยู่ที่ระดับ 17-17.5 เท่า เชื่อหุ้นไทยรับข่าวความเสี่ยงต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกพอสมควรแล้ว มองช่วงที่เหลือของปีตลาดมีแนวโน้มฟื้นตัว แนะนำทยอยสะสม มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะกลาง-ยาว แนะเลือกหุ้นที่ล้อไปกับสถานการณ์
กูรูมองหุ้นไทยถูกแล้ว แนะทยอยสะสมรับผลตอบแทนระยะกลาง-ยาว
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเเผยว่า ตอนนี้หุ้นไทยถือว่าค่อนข้างถูก สะท้อนจากการเทรด Forward P/E บริเวณ 16 เท่า ซึ่งเป็นโซนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ทำให้เห็นภาพส่วนลด (Discount) ระยะกลาง และหากมอง Forward P/E ปี 67 ที่อยู่ในระดับเพียง 14.4 เท่า ยิ่งทำให้ภาพระยะสั้นดูไม่แพงเลย
ดังนั้น การทยอยสะสมหุ้นไทยเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาวน่าสนใจมาก เพราะ Valuation ค่อนข้างดี และกำไร บจ.ปีหน้ามีแนวโน้มเติบโตจากปีนี้ รวมถึงจีดีพีของประเทศน่าจะเติบโตดีเช่นกัน จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แนะนำเลือกหุ้นที่ผลการดำเนินงานจะโดดเด่นตั้งแต่ H2/66 เป็นต้นไป เช่น กลุ่มโรงกลั่น กลุ่มเดินเรือ กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มค้าปลีก
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) มองมุมเดียวกันว่า SET Index ปัจจุบันอยู่ในจุดที่ถือว่ามี Valaution น่าสนใจมาก โดยมีแนวรับอยู่บริเวณ 1,420 จุด ซึ่งจุดดังกล่าวจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา เพราะเป็นระดับที่ผลตอบแทนของหุ้นจะกลับมาน่าสนใจเมื่อเทียบกับพันธบัตร
ตลาดหุ้นไทยรับข่าวความเสี่ยงต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกไปพอสมควรแล้ว รอเพียงแค่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุนเท่านั้น แนะนำทยอยสะสม มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะกลาง-ยาว โดยให้เลือกหุ้นที่ล้อไปกับสถานการณ์ เช่น กลุ่มพลังงานต้นน้ำ ที่ได้ประโยชน์จากช่วงสงคราม กลุ่มธนาคารที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยสูง หรือกลุ่มส่งออกที่ได้อานิสงส์บาทอ่อน
ขณะที่ P/E ของตลาดหุ้นไทย ณ ตอนนี้ถือว่าต่ำแล้ว โดยคาด Forward P/E ปี 66-67 จะอยู่ที่ 16 และ 17 เท่า ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และปีหน้าคาดว่าผลการดำเนินงาน บจ.จะเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
ASPS มองหุ้นถูกรอบ 10 ปี เชื่อช่วงที่เหลือของปีนี้ตลาดหุ้นฟื้นตัว
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ประเมินว่า ขณะนี้ SET Index ในเชิงมูลค่า (Valuation) ถือว่ามีความน่าสนใจหลายมุม ประกอบด้วย
1.ราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) : ระดับ SET Index ปัจจุบัน 1,437.85 จุด มี Trailing P/E ที่ 19.90 เท่า แม้จะดูสูง แต่จริงๆ ถูกกดดันจากกำไรงวดไตรมาส 4/65 ที่ต่ำผิดปกติเพียง 1.72 แสนล้านบาท (ปกติราว 2.5 แสนล้านบาท) แต่หากดู Forward P/E ปี 66 จะเหลือเพียง 15.9 เท่า อิงคาดการณ์ EPS ที่ 88.6 บาท/หุ้น และหากเป็น Forward P/E ปี 67 จะเหลือเพียง 14.2 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย Forward P/E ในรอบ 10 ปี ที่ 18.8 เท่า
2.ราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) : ปัจจุบัน SET Index อยู่ที่ระดับ 1.40 เท่า ซึ่้งเป็นจุดที่มี Valuation ใกล้แนวรับสำคัญทางพื้นฐานคือมี P/BV ที่ 1.37 เท่า ซึ่งต่ำกว่าระดับ -2SD ในรอบ 5 ปีพอดี
3.กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) : คาดปี 67 จะเติบโตโดดเด่นที่ 12.6% สูงกว่าหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มพัฒนาแล้ว เช่น S&P500 ฮ่องกง เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น เป็นต้น
บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า ช่วงที่เหลือของปี 66 ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวเหมือนปีก่อน จากเหตุการณ์สำคัญที่สอดคล้องกันดังนี้
1.ปี 65 ช่วงต้นเดือน ต.ค. ตลาดหุ้นลงจากความกังวลการเกิดเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในสหรัฐฯ ส่วน ต.ค.ปีนี้ย่อตัวลงจากความกังวลสงครามในอิสราเอล
2.เดือน พ.ย.65 ตลาดหุ้นฟื้นจากความหวัง Fed ลดอัตราเร่งในการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ปีนี้ข้อมูลจาก "บลูมเบิร์ก" คาดการณ์การประชุมของธนาคารกลางสำคัญของโลกมีโอกาสยุติการขึ้นดอกเบี้ยพร้อมกันในเดือน พ.ย.นี้
3.กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ของไทยมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องทุกระยะ ทั้งไตรมาส 3/66 ช่วงครึ่งหลังปี 66 และเติบโตต่อเนื่องในปี 67 พร้อมกับมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลที่ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง
4.Valuation ของ SET Index มีความน่าสนใจ ทั้ง P/E ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรอบ 10 ปี และ P/BV อยู่ที่ระดับ -2SD ทุกๆ ปัจจัยข้างต้นมีโอกาสสนับสนุนให้ SET Index ฟื้นตัว เหลือเพียงรอแรงขับเคลื่อนจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) เข้ามาหนุน ดังนั้น แนะนำ "Buy and Hold" หรือ "ซื้อสะสมหุ้น" เพื่อหวังผลในระยะกลางถึงยาว น่าจะปลอดภัยต่อพอร์ตมากที่สุด