ตลาดหุ้นเปิดรับสัปดาห์ใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถล่มทลายอีกครั้ง ดัชนีหุ้นสร้างจุดต่ำสุดใหม่ และหวิดลงไปแตะที่ระดับ 1,400 จุด เพราะนักลงทุนตื่นตระหนกผลกระทบสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มนักรบฮามาส
ระหว่างชั่วโมงซื้อขาย ดัชนีทรุดลงไปประมาณ 34 จุด ลงไปต่ำสุดที่ระดับ 1,416 จุด ก่อนดีดตัวขึ้นในช่วงท้าย และปิดการซื้อขายที่ 1,427.11 จุด ลดลง 23.64 จุด
นักลงทุนต่างชาติเทขายหนัก 2,900 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายย่อยเข้าไปช้อนซื้อ 3,226 ล้านบาท
ตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดความปั่นป่วน เพราะไม่มีใครคาดการณ์สงครามในตะวันออกกลางที่ร้อนระอุได้ และไม่มีสัญญาณความสงบใดๆ มีแค่ความกังวลสถานการณ์ลุกลามบานปลาย
ราคาน้ำมันทะยาน ราคาทองคำขยับตาม แต่ยังมีความผันผวน ส่วนหุ้นตกกราวรูด แดงฉานไปทั้งโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่เปราะบางอยู่แล้ว เนื่องจากการเมืองไม่นิ่ง ต่างชาติปักหลักขายหุ้นออกตั้งแต่ต้นปี
สงครามเป็นเหมือนการลงดาบครั้งสุดท้าย ฟาดฟันจนดัชนีดิ่งจมดิน เพียงแต่แนวรับระดับ 1,420 จุดยังเอาอยู่เท่านั้น เพราะลงมาแตะทีไร สุดท้ายมักจะดีดกลับ
นักลงทุนรายย่อยควรจะถอดใจ ยกธงขาว โยนผ้ายอมแพ้ หยุดซื้อหุ้นได้แล้ว แต่กลับยืนหยัดสู้ แห่กันเข้าไปซื้อ แม้ปีนี้จะมีรอยแผลเต็มตัว บาดเจ็บตลอดนับจากต้นปีก็ตาม
แน่นอนว่ารายย่อยที่เก็บหุ้นสวนทางตลาดขาลง ย่อมมีความหวังว่าราคาหุ้นลงมาต่ำมากแล้ว และมีโอกาสดีดกลับ ถ้าสถานการณ์การสู้รบระหว่าวอิสราเอลและกลุ่มฮามาสคลี่คลายลง
พื้นฐานของตลาดหุ้นไม่ใช่ปัจจัยชี้นำการตัดสินใจแล้ว และผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบริษัทจดทะเบียนปีนี้ ซึ่งกำลังทยอยประกาศไม่ใช่ข่าวดีที่จะกระตุ้นการลงทุน
เพราะปัจจัยชี้นำอยู่ที่สถานการณ์สงครามเพียงประการเดียว ซึ่งไม่สามารถทำนายได้ นอกจากติดตามกันวันต่อวันเท่านั้น
หุ้นทุกกลุ่มหัวทิ่มหัวตำ มีเพียงหุ้นกลุ่มน้ำมันเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ได้ ส่วนกลุ่มอื่นทรุดกันไปหมด แม้แต่หุ้นตัวเล็กที่มีเจ้ามือหรือขาใหญ่ดูแล แต่พยุงราคาไม่ไหว เจ้ามือหรือรายใหญ่ต้องถอยเหมือนกัน
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นมียอดสะสมจากต้นปีจำนวน 1.66 แสนล้านบาท ขณะที่รายย่อยมียอดซื้อสะสมรวมกัน 1.09 ล้านบาท รายย่อยจึงเป็นกลุ่มที่ขาดทุนหนักสุด และท่ามกลางภาวะสงครามที่อาจขยายวง
รายย่อยควรหยุดซื้อ และรอคอยประเมินสถานการณ์ไปก่อน
แต่ราคาหุ้นที่ลงลึก และหุ้นหลายตัวราคาต่ำชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบหลายปี จึงทำให้รายย่อยทนความเย้ายวนไม่ไหว จนพร้อมเสี่ยงตาย เข้าไปช้อนซื้อแลกหมัดวัดดวง โดยปลอบใจตัวเองว่าหุ้นลงมาสุดกู่ถึงระดับก้นเหวแล้ว
และผลกระทบจากสงครามตะวันออกกลางน่าจะเลวร้ายสุดขีดแล้ว
หุ้นจึงมีโอกาสเด้งขึ้นมาได้ทันทีที่สงครามบรรเทาความรุนแรงลง และถ้าหุ้นเด้งกลับ โอกาสที่จะกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1,450 จุดอาจเกิดขึ้นในพริบตา
รายย่อยที่ช้อนซื้อหุ้นทุกคนพร้อมวัดดวง เพราะถ้าหุ้นเด้งขึ้น รอบนี้คงเก็บเกี่ยวกำไรเป็นกอบเป็นกำ
แต่นักลงทุนรายย่อยจะรวยสมดั่งตั้งใจหรือไม่ อีกไม่กี่อึดใจรู้หมู่รู้จ่ากันละ