บอร์ด "ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี" ไฟเขียวเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนสูงสุดไม่เกิน 60 ล้านบาท จำนวนสูงสุดไม่เกิน 15,555,000 หุ้น เริ่ม 9 ตุลาคม 2566 ถึง 8 มีนาคม 2567 สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ผู้บริหารเผยศักยภาพธุรกิจมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องตามความต้องการใช้ก๊าซ LPG ภาวะเศรษฐกิจฟื้นและโซลาร์ รูฟท็อปช่วยสนับสนุนผลักดันผลงานเติบโตตามเป้าหมาย มั่นใจเดินหน้าซื้อหุ้นคืนจะช่วยทำให้ราคาหุ้นสอดคล้องปัจจัยพื้นฐานแกร่ง
น.ส.ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2566 มีมติให้เปิดโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) โดยจะดำเนินการซื้อหุ้นคืนสูงสุดไม่เกิน 15,555,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็น 3% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด คิดเป็นวงเงินซื้อคืนสูงสุดไม่เกิน 60 ล้านบาท กำหนดระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 8 มีนาคม 2567
“การเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) และกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) บริษัทจึงตัดสินใจเข้าโครงการซื้อหุ้นคืน ซึ่งการซื้อหุ้นคืนจะทำให้อัตราส่วนทางการเงินดีขึ้น ยังเป็นการแสดงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน โดยจะใช้แหล่งเงินทุนจากสภาพคล่องส่วนเกิน ไม่กระทบกับฐานะทางการเงินแต่อย่างใด” น.ส.ชมกมล กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจยอดขายปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 800,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศ จำนวน 775,000 ตัน และส่งออก จำนวน 25,000 ตัน ส่วนรายได้รวมคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท เนื่องจากภาพรวมความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจพลังงานยังขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดี ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ราคาก๊าซ LPG ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาในตลาดโลก และที่สำคัญบริษัทมีจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมถึง 168 แห่งทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น และยังรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) ซึ่งปัจจุบันได้เซ็นสัญญาลูกค้าไปแล้ว 11 เมกะวัตต์ และมีแผนเพิ่มเติมอีก 4 เมกะวัตต์ในระยะเวลาอันใกล้ โดยบริษัทยังคงเป้ากำลังการผลิตรวมทั้งหมดอยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566