Solis ผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์รายใหญ่อันดับสามของโลก เปิดตัวโซลูชันอินเวอร์เตอร์ล้ำสมัยใหม่ล่าสุดครั้งแรกในงาน Renewable Energy Asia 2023 (ประเทศไทย) ซึ่งเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์นี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบไฟฟ้าพลังงานสะอาดรุ่นล่าสุด นั่นคือ Sixth Generation (S6) ที่เข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่ที่พักอาศัย การพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I) ไปจนถึงพลังงานแสงอาทิตย์ระดับสาธารณูปโภค เชื่อมต่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ สลับไปใช้พลังงานสำรองจาก UPS โดยอัตโนมัติ และรองรับกระแสโหลดเกิน 200% ภายใน 10 วินาที
อินเวอร์เตอร์ S6 Advanced Hybrid ได้รับการออกแบบมาสำหรับระบบกักเก็บพลังงาน PV ในที่พักอาศัย ตลอดจนการพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I) รองรับเครื่องจักรที่มีการเชื่อมต่อกันแบบขนานหลายเครื่องเพื่อสร้างระบบเฟสเดียวหรือสามเฟส โดยมีกำลังสูงสุด 48kW ในแบบขนาน อินเวอร์เตอร์เข้ากันได้กับทั้งแบตเตอรี่กรดตะกั่ว (แบตเตอรี่น้ำ) และลิเธียม จะบริหารพลังงานแสงอาทิตย์ตลอดช่วงเวลากลางวัน โดยประเมินการผลิตเทียบกับความต้องการแบบเรียลไทม์ สามารถจ่ายไฟฟ้าเพื่อใช้งานในครัวเรือนได้ทันที พร้อมชาร์จเข้าแบตเตอรี่เพื่อใช้งานในช่วงเวลากลางคืนหรือช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด และกำหนดค่าผ่านบลูทูธ
Tim Xue ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำภูมิภาค APAC ของ Solis กล่าวว่า “Solis ได้พัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2005 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย ซึ่ง Sixth Generation (S6) จะปฏิวัติวงการอินเวอร์เตอร์ ใช้ได้ทั้งโครงการขนาดใหญ่ และยังประหยัดต้นทุนให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป ช่วยลดค่าไฟฟ้าและเพิ่มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ให้ได้มากที่สุด”
ภายในงาน Renewable Energy Asia 2023 (ประเทศไทย) ที่ผ่านมา นอกจากการจะได้เห็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีล่าสุดแล้ว ผู้เยี่ยมชม Solis ยังมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก และรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอนาคตการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยในปี 2023 Solis มีความตั้งใจเข้าสู่ตลาดประเทศไทยมากขึ้น ด้วยการจัดตั้งทีมบริการในประเทศไทย
กุศลิน ธรรมเจริญกิจ ผู้บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท แอลที เอนเนอร์ยี 4 จำกัด กล่าวว่า “ ในปี 2023 Solis ตั้งเป้าที่จะเป็น TOP BRAND อินเวอร์เตอร์ในประเทศไทยให้ได้ โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบ B2B หรือ Business-to-Business เป็นผู้ที่ทำธุรกิจด้าน Solar Farm ซึ่งผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และต้องใช้ อินเวอร์เตอร์ หรือเครื่องแปลงไฟฟ้ากระแสตรงที่ได้จากแผงโซลาร์เซลล์ ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับซึ่งเป็นระบบไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศไทย”
“จุดเด่นของ Solis คือความเชี่ยวชาญด้านการผลิตเครื่อง สตริง อินเวอร์เตอร์ (String Inverter) ลูกค้าจะซื้อไปติดตั้งกับระบบโซลาร์เซลล์ Solis ได้ทำตลาดธุรกิจอินเวอร์เตอร์มาแล้ว 27 ประเทศทั่วโลก โดยมีโรงงานผลิตอยู่ที่ประเทศจีน จุดแข็งคือการเป็นผู้ผลิตสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ชิปเล็กๆ ไปจนถึงโครงและอุปกรณ์ของเครื่องอินเวอร์เตอร์ที่มีขนาดใหญ่ มีทีมวิจัยและทำต่อเนื่องกว่า 18 ปี ได้รับรางวัลระดับโลกอย่าง Global Leading String Inverter Brand การันตีคุณภาพได้เป็นอย่างดี แถมอายุการใช้งานของเครื่องอินเวอร์เตอร์ยังรับประกันการใช้งานนานถึง 10 ปี” ผู้บริหารฝ่ายการตลาด แบรนด์ Solis ในประเทศไทยกล่าว
ระบบสตริง อินเวอร์เตอร์ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้เครื่องอินเวอร์เตอร์ที่มีขนาดเล็กลง จึงประหยัดพื้นที่และสามารถติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ได้เยอะขึ้น ทำให้แปลงพลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น ถ้าติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ที่บ้านเรือนซึ่งเสียค่าไฟเดือนละ 10,000 บาท ใช้เครื่องอินเวอร์เตอร์ขนาดแค่ 5K ก็ประหยัดไฟได้ถึง 40% (ราว 4,000 บาท) หรือโรงงานที่เสียค่าไฟเดือนละ 2 ล้านบาท เมื่อติดตั้งเครื่องระบบสตริงอินเวอร์เตอร์ ค่าไฟของโรงงานจะลดลงถึง 40% (ราว 4 แสนบาท) หากจะติดตั้งที่โรงงานต้องใช้เครื่องอินเวอร์เตอร์ขนาด 100K ขึ้นไป ใช้กี่เครื่องขึ้นอยู่กับพื้นที่ของโรงงาน ทั้งนี้การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์และเครื่องอินเวอร์เตอร์ จะใช้เวลาคุ้มทุนราวๆ 4-5 ปี
ปัจจุบันมีโซลาร์ฟาร์มหรือโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งระบบสตริง อินเวอร์เตอร์ มีอยู่หลายประเทศทั่วโลก อาทิ อินเดีย กรีซ เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และฟิลิปปินส์ เป็นต้น สำหรับประเทศไทยตั้งเป้าผลิตกระแสไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ หรือพลังงานสะอาด (Green Energy) ไว้ที่ 30% ภายในปี 2030 แต่ปัจจุบันไทยสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ เพียงแค่ 5% เท่านั้น นี่จึงเป็นเป้าหมายสำคัญให้ Solis เข้ามาบุกตลาดในเมืองไทยนั่นเอง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.solisinverters.com/th