เอเซียพลัส เปิดโผ 14 หุ้นโดดเด่น แนะทยอยสะสมหลังมีลุ้นฟันด์โฟลว์ต่างชาติเริ่มไหลกลับเมื่อปัจจัยลบต่างๆ เริ่มลดลง ทั้งดอกเบี้ยขาขึ้นเริ่มหมดรอบ การเมืองมีพัฒนาการเชิงบวก แนวโน้มกำไร บจ. มีโอกาสฟื้นตัว
ASPS ชี้ Downside ตลาดแคบลง มีแนวโน้มฟื้นตัว
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่มมี Downside ที่ค่อยๆ แคบลง หลังผ่านปัจจัยลบต่างๆ มาพอสมควร และต่อจากนี้มีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวได้ดีขึ้น
- สัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติ อยู่ในระดับต่ำมากแล้ว Dowside น่าจะจำกัด โดยข้อมูล ณ สิ้นเดือน ส.ค. ต่างชาติถือครองหุ้นไทยทางตรง 23.94% แต่ถ้าลบหุ้น DELTA ออกจะเหลือการถือครองเพียง 18.7% เท่านั้น
- ปัจจัยภายนอก ประกอบด้วย 1) วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้จบ หลังจาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วใน 1 ปี 7 เดือน จาก 0.25% มาเป็น 5.5% ซึ่งสูงกว่าเงินเฟ้อปัจจุบันที่ลดลงเหลือ 3.3% พอสมควร ส่งผลให้ตลาดคาด Fed น่าจะคงดอกเบี้ยไปจนถึงต้นปี 2567 ก่อนทยอยปรับลง 2) รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ หลังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า และภาคอสังหาฯ มีหนี้สูง พร้อมผิดนัดชำระ ซึ่งประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนทั้งทางตรง และทางอ้อม
- ปัจจัยภายในประเทศ 1) การเมืองมีพัฒนาการเชิงบวกมากเรื่อยๆ หลังผ่านระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่มาเกินกว่า 3 เดือนครึ่ง และน่าจะเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการลดราคาพลังงาน ฟรีค่าธรรมเนียม VISA สำหรับนักท่องเที่ยว และความคาดหวังการแจกเงิน Digital 10,000 บาท ในระยะถัดไป 2) หลังการเมืองคลี่คลายมูลค่าซื้อขายหุ้นไทยทยอยเพิ่มขึ้นตามกลไกช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้นได้ 3) แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากนี้
ระบุก่อนหน้าต่างชาติขายหุ้นไทยหนักสุด
อย่างไรก็ดี ช่วงที่ผ่านมาปัจจัยที่กดดันต่างชาติขายหุ้นไทยหนักสุดในภูมิภาคมีอยู่ 3 ส่วนหลัก คือ
- กนง. มีการขึ้นดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่อง 7 ครั้งในรอบ 12 เดือน จาก 0.5% เป็น 2.25% ตามกลไกจะกดดันให้ตลาดหุ้นจะซื้อขายกันบน P/E ที่ถูกลง
- เศรษฐกิจไทยขาดความต่อเนื่องในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเติบโตช้ากว่าที่คาด โดย GDP 1Q66 เติบโตเพียง 2.6%YoY และ GDP 2Q66 เหลือการเติบโตเพียง 1.8% เท่านั้น
- เกิดสุญญากาศทางการเมือง หรือใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนรัฐบาลนานเกินกว่า 100 วัน ส่งผลให้เกิดการชะลอการลงทุนชั่วคราว สะท้อนได้จากมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยในเดือน มิ.ย. และ ก.ค. ลดเหลือเพียง 4.4 หมื่นล้านบาท/วันเท่านั้น
แนะนำ 14 หุ้นเด่น คาดกำไร บจ.ครึ่งหลังโต 19%
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไรช่วง 2H66 มีโอกาสเติบโตขึ้นได้19% HoH และเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 อีก 12.6% ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดน่าจะช่วยหนุนให้เห็น Fund Flow ทั้งในและต่างประเทศทยอยกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นได้ในระยะถัดไปได้ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยสะสมหุ้น อีกทั้งยังมีตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น โดยฝ่ายวิจัยแนะนำ 3 ธีมน่าสะสม ดังนี้
1.หุ้นอิงเศรษฐกิจจีน SCGP, PTTGC, IVL
2.หุ้นอิงนโยบายรัฐบาลใหม่ BJC, CRC, CPAXT, BEM, ADVANC, TRUE, AOT, ERW
3.หุ้น Laggard ราคาน้ำมัน PTTEP, TOP, SPRC