xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าเงินบาทเปิดที่ระดับ 35.59 มีโอกาสผันผวนในทางอ่อนค่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (13 ก.ย.) ที่ระดับ 35.59 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.65 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.50-35.70 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และประเมินกรอบเงินบาท 35.40-35.75 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในช่วง 35.58-35.75 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าไปตามการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์และโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ก่อนที่เงินบาทจะเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังเงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้างตามแรงขายทำกำไร หลังดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 105 จุด

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้างในช่วงระหว่างวัน หากนักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทย ทว่าเงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าไปมาก เนื่องจากแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอลง ซึ่งเป็นไปได้ว่านักลงทุนต่างชาติต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในคืนนี้เช่นกัน และนอกเหนือจากแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ เรามองว่าโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวมีโอกาสกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลงได้บ้าง หลังราคาทองคำได้ย่อตัวลงทดสอบโซนแนวรับสำคัญ ทำให้ผู้เล่นบางส่วนอาจอยากลุ้นการรีบาวนด์ขึ้นของราคาทองคำ หากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอลงตามคาด โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน

ทั้งนี้ เรามองว่าผู้เล่นในตลาดควรระมัดระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ (จะรับรู้ในช่วง 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย) โดยจากสถิติในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า เงินบาทสามารถแกว่งตัวอ่อนค่าลง 0.2% และแข็งค่าขึ้นได้ราว 0.4% ภายใน 30 นาที หลังตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI โดยเรายังให้โอกาสเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป headline CPI ที่ปรับตัวขึ้นนั้นเป็นผลจากราคาพลังงานเป็นหลัก ซึ่งเฟดอาจให้น้ำหนักต่อทิศทางของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI มากกว่า

ความกังวลของผู้เล่นในตลาดต่อทิศทางนโยบายการเงินเฟดยังคงกดดันบรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนมองว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจชะลอลงช้าจากการที่ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งภาพดังกล่าวได้กดดันให้บรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth พลิกกลับมาปรับตัวลดลง (Tesla -2.2% Microsoft -1.8%) อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนบ้างจากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน (Exxon Mobil +2.9%) ทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลง -1.04% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาดราว -0.57%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.18% กดดันโดยแรงขายหุ้นธีมการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน เช่น กลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (L’Oreal -1.4% LVMH -1.1%) หลังผู้เล่นในตลาดยังไม่มั่นใจในแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP +1.1% Total Energies +0.9%) รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่กลับมาเพิ่มโอกาส ECB คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้

ในฝั่งตลาดบอนด์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทำให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหว sideway ใกล้ระดับ 4.30% โดยมีจังหวะปรับตัวขึ้นได้บ้างตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งนี้ เรามองว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นบางส่วนรอทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว ในจังหวะยิลด์ปรับตัวสูงขึ้น อนึ่ง ในวันนี้เรามองว่าบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ซึ่งจากสถิติในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัว +/-10bps ในช่วงภายใน 30 นาที หลังการทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ณ ระดับปัจจุบันยังคงมีความน่าสนใจและคุ้มค่าในแง่ Risk/Reward

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ผันผวนพอสมควร โดยเงินดอลลาร์มีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงตลาดกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่เงินดอลลาร์จะเผชิญแรงขายทำกำไรและย่อตัวลง ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างยังไม่รีบปรับสถานะถือครอง จนกว่าจะรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และผลการประชุม ECB ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 104.5 จุด (กรอบ 104.5-105 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ย่อตัวลงใกล้ระดับ 1,935 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่าผู้เล่นบางส่วนในตลาดอาจรอทยอยซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลงบ้าง ทำให้โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวมีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง

สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป Headline CPI อาจเร่งขึ้น +0.6%m/m (หรือ +3.6%y/y) ตามการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงานเป็นสำคัญ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI จะเพิ่มขึ้นเพียง +0.2%m/m (+4.3%y/y ชะลอลงต่อเนื่อง) ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวโน้มการชะลอตัวลงต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อสู่ระดับเป้าหมายที่ 2%

ส่วนในฝั่งไทย เราประเมินว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนสิงหาคม อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.5 จุด จากระดับ 55.6 จุด ในเดือนก่อนหน้า หลังการจัดตั้งรัฐบาลผสมได้เสร็จสิ้นลง ช่วยลดความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศและสร้างความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันอาจยังคงเป็นอัตราดอกเบี้ยและค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง
กำลังโหลดความคิดเห็น