หลังจากถูกทวงถามความคืบหน้า 3 คดีหุ้นดังที่มีพฤติกรรมโกง ไม่แตกต่างจากหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอก็ออกแถลงข่าวด่วน ชี้แจงถึงการสอบสวนทั้ง 3 คดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
คดีทุจริต สร้างหนี้เทียม เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งเป็นคดีฉาวโฉ่ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน 3 แห่ง เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน ดีเอสไอระบุว่า ได้รับเป็นคดีพิเศษทั้งหมด
ประกอบด้วยคดี บริษัท โพลารีส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR คดีบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC คดีบริษัท เอ็นเนอร์ยี เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH
สำหรับคดี POLAR ซึ่งมีนักลงทุนรายย่อยเสียหาย 11,523 ราย จากการที่ผู้บริหารบริษัทแกล้งให้ POLAR เป็นหนี้ เพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับการชำระหนี้นั้น ดีเอสไอชี้แจงว่า ได้สอบสวนเสร็จแล้ว
และส่งสำนวนการสอบสวนไปพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งต่อมาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นแย้งส่งไปอัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566
ส่วนคดี EARTH ซึ่งมีนักลงทุนรายย่อบเสียหายประมาณ 1.6 หมื่นคน โดยผู้บริหารบริษัทได้ยื่นเอกสารเท็จประกอบการเบิกสินเชื่อ เป็นเหตุให้ธนาคารกรุงไทยเสียหายนั้น ดีเอสไอได้สอบสวนแล้ว และส่งสำนวนการสอบสวนไปเลขาธิการณะกรรมการป้องกันแลปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
สำหรับคดีที่ผู้บริหาร EARTH กับพวก วางแผนและร่วมมือกันเพื่อแกล้งให้บริษัทเป็นหนี้และจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ ดีเอสไอสอบสวนแล้ว และส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อ เช่นเดียวกับคดีการเผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้สำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับมูลค่ายุติธรรมของสิทธิในเหมืองถ่านหิน ซึ่งเป็นความผิด และได้ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อ
และคดี IFEC ซึ่งมีนักลงทุนเสียหาย 19,849 ราย โดยผู้บริหารบริษัทฯ ถูกกล่าวหาว่า กระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาทนั้น ดีเอสไออยู่ระหว่างการสอบสวน
ทั้ง 3 คดีหุ้นดัง ดีเอสไอยืนยันว่าได้สอบสวนรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานด้วยความรอบคอบ รัดกุม และดำเนินการทุกขั้นตอนตามกรอบระยะเวลา ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด
นักลงทุนจำนวนเกือบ 5 หมื่นชีวิต ซึ่งเดือดร้อน ต้องทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของผู้บริหาร POLAR IFEC และ EARTH คงได้รับการเยียวยาด้านจิตใจบ้างแล้ว หลังจากดีเอสไอออกมาแถลงความคืบหน้าของคดี
เพราะทั้ง 3 คดียังไม่ถูกเป่าทิ้ง ยังไม่ถูกตัดตอน แต่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดี โดย 2 ใน 3 คดี ถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาของ ป.ป.ช.แล้ว
เพียงแต่ดีเอสไอไม่แจ้งในรายละเอียดว่า ผลการสอบสวนสรุปลงอย่างไร ผู้บริหาร POLAR และ EARTH ที่ปิดสำนวนการสอบสวนไปแล้วนั้นมีความผิดสถานใดบ้าง และทำไมต้องส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช.
ความคืบหน้าที่ดีเอสไอแถลง บางคดีดูเหมือนไม่มีอะไรคืบหน้าไปเท่าไหร่
ส่วนคดี IFEC อยู่ระหว่างการสอบสวนของดีเอสไอ และยังไม่มีความคืบหน้าใด
ทั้ง 3 คดีหุ้นดังต้องทำใจว่า อาจใช้เวลาอีกหลายปีจึงจะปิดสำนวนเบ็ดเสร็จ และไม่รู้ว่า คดีจะเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลหรือไม่ เพราะดีเอสไอไม่ได้ให้เบาะแสว่าผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่ทุจริตจนบริษัทล่มสลายจะรับความผิดข้อหาใดบ้าง
การแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดี 3 หุ้นดัง ถือเป็นครั้งแรกของการแถลงผลสอบสวนคดีหุ้น และอาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ของดีเอสไอในการชี้แจงให้สาธารณชนรับรู้ขั้นตอนการสอบสวนความผิดคดีอาชญากรรมในตลาดหุ้นเป็นระยะ ไม่ใช่ปิดเงียบสนิทเหมือนที่ผ่านมา
เป็นอันว่า คดี 3 หุ้นดังยังไม่ถูกเป่าทิ้ง โดยผู้บริหาร POLAR IFEC และ EARTH ที่ปล้นบริษัท เช่นเดียวกับผู้บริหาร STARK อยู่ในข่ายที่ต้องชดใช้กรรมที่ก่อ
เพียงแต่กฎแห่งกรรมในตลาดหุ้นต้องใช้เวลารอยคอยนานไปหน่อยเท่านั้น
และวันนี้ผู้บริหาร POLAR IFEC และ EARTH ยังลอยนวล ใช้ชีวิตอย่างเสวยสุข แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนเกือบครึ่งแสนคน ชีวิตเหมือนตกอยู่ในนรก เพราะถูกกลุ่มผู้บริหาร 3 หุ้นดังปล้นจนหมดตัว