ใครบ้างร่วมปล้น STARK / สุนันท์ ศรีจันทรา

สถาบันการเงินที่ปล่อยเงินกู้ ประชาชนที่ซื้อหุ้นกู้ นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งนักลงทุนรายย่อย วันนี้ทำใจกันแล้ว ต้องวายวอดสิ้นเนื้อประดาตัวกับบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งกิจการอยู่ในฐานะล่มสลาย ราคาหุ้นทรุดลงเหลือเพียงไม่กี่สตางค์

แต่สำหรับกล่มอาชญากรที่ร่วมปฏิบัติการปล้น STARK โดยวางแผนอย่างแยบยล สร้างภาพลวงตา แต่งงบการเงิน ปลอมเอกสาร สร้างลูกหนี้เทียมมานานกว่า 2 ปี ณ วันนี้ยังไม่มีใครถูกดำเนินคดีแม้แต่คนเดียว

เพียงแต่มีข่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI จะออกหมายจับอดีตผู้บริหาร 1 คน และลูกน้องอีก 2 คน ในความผิดทรุดจริต และเตรียมอายัดเงินเพียงระดับ 100 ล้านบาทเท่านั้น

ตั้งแต่เริ่มมีการขุดคุ้ยเปิดโปงการปล้นใน STARK ช่วงต้นเดือนมิถุนายน นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทได้แจ้งกับดีเอสไอ ขอให้สอบสวนการทุจริตใน STARK

การสอบสวนเบื้องต้นหายนะใน STARK มีการประสานความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ.

มีจะมีรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ แต่ยังไม่สามารถประกาศรายชื่อขบวนการที่ร่วมกันปล้นเงินจำนวนนับหมื่นล้านบาทออกมาได้ ไม่มีการพูดถึงกระบวนการปั่นหุ้น ซึ่งดำเนินไปควบคู่กับการสร้างภาพลวงตา ผลประกอบการบริษัทที่เติบโตต่อเนื่อง และมีผู้ได้ประโยชน์เป็นตัวเป็นตนนับหมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถพิสูจน์ทราบได้

อาชญากรรมใน STARK แยกเป็น 2 คดีความผิด ส่วนหนึ่งเป็นการโกง โดยการไซฟ่อน ผ่องถ่าย โยกย้ายเงินออก ซึ่งสังคมให้ความสนใจมากกว่า

อีกส่วนหนึ่งเป็นการปั่นราคาหุ้น โดยการสร้างภาพลวงตาด้านผลประกอบการ จนนักลงทุนทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ทั้งกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ขนเงินมาทิ้งใน STARK จำนวนหลายหมื่นล้านบาท

รวมทั้งนักลงทุนสถาบัน 12 ราย เหยื่อรายล่าสุดที่ร่วมกันขนเงินจำนวน 5,580 ล้านบาท ใส่พานมาให้ STARK เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ก่อนที่เงินจะถูกผ่องถ่ายออกไปจนเกลี้ยงโดยผู้บริหารบริษัท

ราคาหุ้น STARK เคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 5.10 บาท เมื่อช่วงปลายปี 2565 แต่ราคาหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา เหลือเพียง 3 สตางค์เท่านั้น มีนักลงทุนที่ถือหุ้นติดมืออยู่ประมาณ 1 หมื่นราย ซึ่งอยู่ในสภาพที่หมดตัว

กลุ่มนายวนรัชต์ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ STARK เมื่อปี 2562 โดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวนกว่า 20,000 ล้านหุ้น ในสัดส่วนประมาณ 94% ของทุนจดทะเบียน ในราคาหุ้นละ 60 สตางค์ และทยอยขายหุ้นออกต่อเนื่อง จนเหลือสัดส่วนการถือหุ้น STARK อยู่เพียง 26.85% ของทุนจดทะเบียน

นายวนรัชต์ เป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากส่วนต่างราคาหุ้น STARK แต่จะมีส่วนร่วมในขบวนการแต่งบัญชี สร้างหนี้เทียม ไซฟ่อน ผ่องถ่ายเงินออกหรือไม่ และมีส่วนร่วมสร้างภาพลวงตา ปั่นราคาหุ้นขึ้นไปหรือไม่ กรมสอบสวนคดีพิเศษคงต้องตรวจสอบในรายละเอียดต่อไป และการทุจริตใน STARK ถูกยกเป็นคดีพิเศษไปแล้ว

นายชนินทร์ เย็นสุขใจ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK อาจตกเป็นเป้าถูกเพ่งเล็งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปั้นผลประกอบการ ตบตานักลงทุน แต่สังคมไม่เชื่อว่า ปฏิบัติการปล้น STARK จะเกิดจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องแบ่งงานกันทำอย่างเป็นกระบวนการมาหลายปี

ใครร่วมปล้น STARK และจะต้องร่วมกันเข้าซังเต ถ้าไม่หอบเงินหนีออกนอกประเทศไปเสียก่อน DSI คงตามล่าหาตัวเจอ โดยตามรอบเส้นทางการเงินมี่ถูกไซฟ่อนออก

รายชื่อกลุ่มคนที่ปล้น STARK อย่างเหิมเกริม หน้าด้านๆ ไม่กลัวคุกตะราง คงอีกไม่นานเกินรอ DSI จะประกาศออกมา

พยานหลักฐานการปล้นที่ชัดแจ้ง จะทำให้อาชญากรที่ร่วมลงมือสร้างหายนะให้นักลงทุนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นรอดยาก จากกรรมที่ร่วมกันก่อ