หุ้นบริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL เป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาด MAI ตัวล่าสุดที่ถูกกระแสสังคมในตลาดหลักทรัพย์ เรียกร้องให้ตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบ กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังลากราคาหุ้นขึ้นไปสูงลิ่ว ก่อนถล่มขายลงมา ทำให้นักลงทุนที่แห่เข้าไปเก็งกำไรตายกันเป็นเบือ
TPL นำหุ้นจำนวน 120 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนราคาหุ้นละ 3.30 บาท ค่าพี/อี เรโช เฉลี่ย 66 เท่า ระดมทุนเงินของนักลงทุนไปแล้ว 96 ล้านบาท
บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และมีบริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเลเตอร์ จำกัด เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย
ก่อนการเข้าซื้อขายในวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา มีทั้งสื่อที่เตือนให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย และสื่อที่มีความเชื่อมโยงกับ TPL เสนอข่าวในเชิงบวกหุ้นตัวนี้
หุ้น TPL เข้ามาซื้อขายในช่วงเวลาที่มีข่าวฉาวโฉ่หุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK และการตรวจสอบหุ้นบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ซึ่งมีการซื้อขายที่ไม่ปกติ สร้างความเสียหายให้นักลงทุนจำนวนมาก
ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบหุ้นร้อน หุ้น PTL กลับพุ่งทะยานอย่างร้อนแรง และมีกลุ่มคนที่ต้องสงสัยในการลากราคาโดยไม่เกรงกลัวหน่วยงานที่กำกับดูแลการซื้อขายหุ้น ซึ่งกำลังตื่นตัวในการปราบหุ้นปั่น
TPL เปิดการซื้อขายที่ 5.90 บาท หรือสูงกว่าราคาจองกว่า 78% ก่อนถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 7.15 บาท และอ่อนตัวลงมาปิดที่ 6.90 บาท สูงกว่าราคาจองประมาณ 109% ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่น 1,710 ล้านบาท
ระหว่างพักการซื้อขายในช่วงเช้า ตลาดหลักทรัพย์ออกประกาศด่วน เตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการซื้อขาย เพราะค่าพี/อี เรโช PTL พุ่งขึ้นไปถึง 138 เท่า และเปิดเผยผลตรวจสอบการซื้อขายหุ้นในภาคเช้า ซึ่งพบว่ามีการซื้อขายกระจุกตัวในคนบางกลุ่มประมาณ 70% ในราคาเปิดการซื้อขาย
และมีการส่งคำสั่งซื้อขายกระจุกตัวในคนกลุ่มเดิมประมาณ 40% ในการซื้อขายหุ้นภาคเช้า สะท้อนให้เห็นว่า หุ้น PTL มีคนกลุ่มหนึ่งอยู่เบื้องหลังการขึ้นลงของราคา
การเปิดซื้อขายหุ้น TPL ภาคบ่าย หลังตลาดหลักทรัพย์ประกาศด่วนเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวัง แต่ยังมีแรงซื้อลากหุ้น TPL ขึ้นไปสูงสุดที่ 7.25 บาท ซึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนรายใหญ่ยัง “ปล่อยของ” ไม่หมด หรือขายออกไม่ทัน จึงไล่ราคาหุ้นขึ้นไปต่อ ก่อนจะถล่มขายจนราคาดิ่งลงเหว
และลงไปต่ำสุดที่ 2.06 บาท แต่ดีดตัวขึ้นมาปิดที่ 2.22 บาท ต่ำกว่าราคา 1.08 บาท หรือต่ำกว่าจอง 32.73% มูลค่าซื้อขาย 3,001.96 ล้านบาท หรือคิดเป็นปริมาณการซื้อขาย 577.04 ล้านหุ้น สูงกว่าปริมาณหุ้นที่เสนอขายนักลงทุนเกือบ 4 เท่าตัว ซึ่งไม่รู้ว่าใครขนหุ้นจากไหนมาซื้อขายกัน
TPL เป็นหุ้นน้องใหม่อีกตัวหนึ่งที่มีพฤติกรรมมหาโหด เพราะราคาถูกลากขึ้นไปอย่างร้อนแรง สูงกว่าราคาเกิน 100% แต่ถูกทุบรูดภายในพริบตา จนปิดตลาดต่ำกว่าจอง 32%
ถ้าเทียบจากราคาหุ้นที่ถูกสูงสุดที่ 7.25 บาท ก่อนถูกทุบรูดลงมาเหลือ 2.22 บาท ราคาหุ้น TPL ปรับตัวลงถึง 72.52% ซึ่งนักลงทุนรายย่อยที่เข้าไปซื้อ และขายไม่ทันถูกเชือดโหด ขาดทุนถึงขั้นหมดตัว
TPL มีกลุ่มนางวิสสา จินะวิจารณะ ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 36.25% ของทุนจดทะเบียน บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA ถือหุ้นในสัดส่วน 26.73% และมีนักลงทุนขาใหญ่หลายคนถือหุ้นด้วย เช่นนายพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี หรือฉายาหมอพงศ์ศักดิ์
ในหมู่นักลงทุนพูดกันว่า TPL เป็นหุ้นในกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ “ฉ”
การซื้อขายวันแรกเพียงวันเดียว ทำให้ TPL เป็นหุ้นอันตรายเสียแล้ว เป็นหุ้น “เกมกล” โดยมีกลุ่มคนที่ส่งคำสั่งซื้อขาย ลากราคาหุ้นขึ้น และโกยกำไรก้อนโตไปแล้ว
ปล่อยให้รายย่อบแบกหุ้นต้นทุนสูง และเสียหายกันย่อยยับ
ตลาดหลักทรัพย์ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เมื่อรู้ว่าหุ้น TPL มีการซื้อขายที่เข้าข่ายไม่ปกติ มีกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังราคาหุ้น จึงออกมาตรการที่ฉับไวเพื่อปกป้องประชาชนผู้ลงทุน โดยเตือนให้ระมัดระวังการซื้อขาย
แต่ภารกิจของตลาดหลักทรัพย์ยังไม่จบ เพราะสังคมกำลังอยากรู้ว่า กลุ่มไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังการลากหุ้น TPL ขึ้นไปเชือด เป็นใครกันบ้าง และพฤติกรรมการซื้อขายเข้าข่ายการกระทำความผิด สร้างภาพลวงตา หลอกต้มนักลงทุนอย่างอำมหิต โดยการปั่นหุ้นหรือไม่
TPL ถูกบรรจุเข้าสู่ทำเนียบ หุ้นที่สร้างหายนะให้นักลงทุน รองจาก STARK และ OTO แล้ว
หุ้นใหม่ที่ตลาดหลักทรัพย์เพิ่งปล่อยเข้ามา กำลังท้าทายมาตรการกำกับการซื้อขายหุ้นที่เข้มข้นขึ้น
ความผิดปกติของการซื้อขายหุ่น TPL วันแรก และทำให้นักลงทุนรายย่อยต้องตายหมู่ กลายเป็นสิ่งที่ท้าพิสูจน์ความสามารถและความเด็ดขาดของผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์
กลุ่มไอ้โม่งที่ลากนักลงทุนเข้าไปเชือดในหุ้น TPL ต้องถูกกระชากหน้ากากเปิดโปงให้สังคมรับรู้จิตใจที่เหี้ยมโหดและอำมหิต
