MGR Online - “ผอ.กองคดีการเงินฯ” เผย ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 สองอดีตผู้บริหารหุ้น STARK รับทราบข้อหา มีพฤติการณ์ตบแต่งบัญชี ไม่เข้าพบ 2 ครั้ง ขอหมายจับ
วันนี้ (4 ก.ค.) พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีออกหมายเรียกผู้ต้องหาคดีหุ้น STARK จำนวน 2 ราย คือ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท และ นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตกรรมการ เข้ารับทราบข้อหาฐานความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในวันที่ 6-7 ก.ค. ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประสานมาของทั้งสองคน ว่า ประสงค์จะขอเลื่อนหรือเข้าพบหรือไม่ หากทั้งสองคนได้รับหมายเรียกแล้ว ก็สามารถแจ้งเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับทางพนักงานสอบสวนได้ ถือเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมาย ซึ่งการออกหมายเรียกผู้ต้องหาทำได้ 2 ครั้ง และหากไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆ หรือไม่มีการเข้าพบพนักงานสอบสวน ก็สามารถขอศาลอนุมัติหมายจับ เพราะเชื่อได้ว่าผู้ต้องหามีเจตนาตั้งใจหลบหนี
“ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะต้องเร่งรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อนำมาใช้ประกอบพิจารณากับคำให้การของพยานบุคคลทุกราย ก่อนมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาแก่คนอื่นๆ หรืออาจจะเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหา หากมีพฤติการณ์สอดคล้องเข้าองค์ประกอบฐานความผิดใด”
พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ กล่าวว่า ส่วนของการอายัดทรัพย์สินคดีหุ้น STARK ไป 100 ล้านบาท เช่นเดิม ยังไม่ได้มีการอายัดเพิ่ม แต่จะเร่งติดตามรายการทรัพย์สินให้ได้จำนวนมากที่สุดเพื่อเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย นอกจากนี้ อยากให้มีตัวแทนของผู้เสียหายได้ให้ปากคำกับดีเอสไอ เพราะคดีไม่เหมือนคดีแชร์ลูกโซ่ ที่จะต้องใช้การสอบปากคำกับผู้เสียหายจำนวนมาก เนื่องด้วยดำเนินคดีกับผู้บริหารที่กระทำความผิด จึงจะมีการสอบปากคำผู้เสียหายจำนวนไม่มาก ขณะที่ทางด้านผู้เสียหายในฐานะผู้ถือหุ้นกู้ ตนมองว่า พวกเขาจะต้องรวมกลุ่มเพื่อดำเนินการฟ้องแพ่ง เพื่อให้บริษัทฯ มีการจ่ายค่าตอบแทน หรือดอกเบี้ยตามตามกำหนดระยะเวลาที่พวกเขาไปซื้อหุ้นกู้ อีกทั้งเมื่อครบสัญญาของหุ้นก็จะต้องคืนเงินต้นด้วย แต่ในกรณีนี้เกิดปัญหาที่บริษัทฯ ไม่มีเงินจ่าย
พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับอีก 4 บริษัทสำคัญ ได้มีการวางกรอบอยู่ในแผนของการสอบสวน ว่า จากนี้จะมีการออกหมายเรียกให้ผู้บริหารและกรรมการบางส่วนของทั้ง 4 บริษัท เข้าให้การในฐานะพยาน เนื่องจากพยานหลักฐานและการสืบสวนเบื้องต้นพบว่าในบรรดากรรมการของบริษัทเหล่านี้ มีรายชื่ออยู่ใน 7 คน ที่เคยยื่นลาออกจากบริษัท สตาร์คฯ เมื่อครั้งเป็นโครงสร้างผู้บริหารชุดเดิม ที่มี นายชนินทร์ เย็นสุดใจ เป็นประธานกรรมการ มีความเกี่ยวข้องรู้เห็นกับการตกแต่งบัญชีที่เกิดขึ้น