หุ้นบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA กำลังเดินทางกลับบ้านเก่า ราคาไหลรูดลงต่อเนื่อง ท่ามกลางการถูกจับตามองว่าอาจล่มสลายตามรอยหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK
แต่ต้นสัปดาห์นี้ NUSA คืนชีพขึ้นมาใหม่ เพราะมีการสร้างข่าวกระตุ้น โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติเพิ่มทุนครั้งมหึมา นำหุ้นแลกกับหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ซึ่งกลุ่มนายประเดช กิตติอิสรานนท์ นักลงทุนขาใหญ่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1
คณะกรรมการ NUSA ประชุมกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีมติซื้อหุ้น WEH จำนวน 29 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 10 บาท หรือสัดส่วน 26.65% ของทุนจดทะเบียน ในราคาหุ้นละ 405 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้น 11,748.27 ล้านบาท
NUSA จะออกหุ้นสามัญจำนวน 13,053.64 ล้านหุ้น หรือ 49.98% ของทุนจดทะเบียน เสนอขายในราคาหุ้นละ 90 สตางค์ แลกกับหุ้น WEH ในอัตราส่วน 1 หุ้น WEH ต่อหุ้น NUSA 450 หุ้น
ผู้ขายหุ้น WEH คือ บริษัท ธนา พาวเวอร์ วัน จำกัด ซึ่งถือหุ้นโดยกลุ่มนายประเดช
การแลกหุ้นครั้งนี้ทำให้ NUSA ถือหุ้น WEH ในสัดส่วนเพิ่มเป็น 34.73% ของทุนจดทะเบียน จากเดิมที่ถือไว้ 2.08% กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ส่วน WEH จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 49.98% ของทุนจดทะเบียนใน ถ้ารวมกับธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง ที่ถือหุ้น NUSA อยู่เดิม 24.98% ของทุนจดทะเบียน และรวมกลุ่มนายประเดช ที่ถืออยู่เกือบ 20% เครือข่ายในประเดช จะถือหุ้น NUSA ประมาณเกือบ 80% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งใน NUSA WEH และบริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO
การซื้อขายทรัพย์สินหรือหุ้นของ NUSA มักมีปมที่น่าสงสัย เช่นเดียวกับการซื้หุ้น WEH ครั้งนี้ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกประกาศให้ NUSA ชี้แจงและปรับปรุงข้อมูลการคำนวณขนาดรายการที่ไม่เป็นไปตามความเห็นของ ก.ล.ต.ให้ครบถ้วน ถูกต้อง และขอให้ผู้ถือหุ้นศึกษาและติดตามข้อมูลการทำรายการอย่างใกล้ชิด
ก่อนหน้านี้ ตลาดหลักทรัพย์เคยสอบถามถึงปัญหาหนี้ของ NUSA ซึ่งบริษัทชี้แจงว่า มีแผนออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 13,000 ล้านบาท ขายบุคคลในวงจำกัด ซึ่งจะทำให้มีเงินชำระหนี้
ตอนนี้แผนเพิ่ม NUSA ประกาศแล้ว แต่เป็นการนำหุ้นแลกหุ้น ไม่ใช่ขายหุ้นเพื่อนำเงินสดเข้าบริษัท
หุ้น WEH ที่บริษัท ธนา พาวเวอร์ วัน ขายให้ NUSA คงไม่มีการขายออกแน่ เพราะเป็นหลักประกันของกลุ่มนายประเดช เพื่อควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จใน WEH ซึ่งเป็นขุมทรัพย์ใหญ่ของกลุ่มกิตติอิสรานนท์ ได้ตลอดกาล สามารถทำให้นั่งกินนอนกินได้ตลอดชาติทั้งตระกูล
ปัญหาคือ เมื่อไม่มีเงินสดเข้ามาจริง ปัญหาหนี้สิน ปัญหาสภาพคล่องของ NUSA จะแก้อย่างไร
และ NUSA ขาดทุนติดต่อแล้ว 5 ปี ทั้งบริษัทแม่ บริษัทลูกขาดทุนจนมีหนี้สินพะรุงพะรัง
การออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวนกว่า 1.3 หมื่นล้านหุ้น แลกหุ้น WEH 26.65% ของทุนจดทะเบียน เหมือนการเล่นแร่แปรธุาตอีกครั้งของกลุ่มนายประเดช โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยของ NUSA จะได้รับผลกระทบจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น
ถ้าบริษัทขาดทุนต่อเนื่อง หุ้น NUSA คงไม่มีวันโงหัวได้ เว้นจะมีขาใหญ่หรือเจ้ามือปั่นราคาหุ้น
นายประเดช เป็นนักลงทุนขาใหญ่ รู้ช่องทางทำเงินจากตลาดหุ้นดีเยี่ยม มีความช่ำชองการทำธุรกรรมซื้อขายทรัพย์สิน โดยกลุ่มตัวเองมักได้ประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการวางแผนให้ NUSA ซื้อหุ้น WEH ซึ่งกลุ่มนายประเดช ไม่ได้รับผลกระทบอะไร เพียงแต่โยกพอร์ตที่ถือหุ้น WEH มาพักไว้ที่ NUSA และยังคุมเสียงโหวตใน WEH ได้เหมือนเดิม
แต่ผลการเล่นแร่แปรธาตุ กลุ่มนายประเดชได้หุ้น NUSA เข้ามาอีกกว่า 1.3 หมื่นล้านหุ้น และสามารถระบายขายหุ้น NUSA หอบเงินนับพันล้านบาทเข้ากระเป๋าเมื่อไหร่ก็ได้ เช่นเดียวกับการขายหุ้น DEMCO เข้า NUSA ซึ่งกลุ่มนายประเดช ฟาดกำไรไปหลายร้อยล้านบาท
นักลงทุนกำลังหวั่นไหวในพฤติกรรมของนายประเดช และธุรกรรมของ NUSA ที่นัวเนียกันในกล่ม WEH และ DEMCO ไม่รู้จุดจบใครจะเสียหายบ้าง
โครงสร้างผู้ถือหุ้น NUSA มีบริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 24.98% ของทุนจดทะเบียน กลุ่มกิตติอิสรานนท์อีกเกือบ 20% และมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 8,755 ราย
การแลกหุ้น WEH กับหุ้น NUSA จะทำให้ บริษัท ธนา พาวเวอร์ วัน กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ถือหุ้นในสัดส่วน 49.98% ซึ่งข้ามเส้นการถือหุ้นตามเกณฑ์การครอบงำกิจการ ซึ่งต้องจัดทำคำเสนอซื้อหุ้นหรือทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์จากผู้ถือหุ้นทั่วไป ในราคาหุ้นละ 90 สตางค์ เท่ากับราคาหุ้นที่แลกกับหุ้น WEH
ก.ล.ต.ไม่น่ายอมให้ WEH ผ่อนผันการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ โดยเฉพาะธุรกรรมการแลกหุ้น NUSA กับ WEH ซึ่งอาจมีวาระซ่อนเร้น การกระตุ้นหุ้น NUSA ที่ทำท่าจะกลับบ้านเก่า
และที่สำคัญ กลุ่มนายประเดช ได้หุ้น NUSA กว่า 1.3 หมื่นล้าน หุ้นอยู่ในมือ พร้อมขายเปลี่ยนเป็นเงินเข้ากระเป๋าได้ตลอดเวลา
ตระกูลกิตติอิสรานนท์ กลายเป็นกลุ่มที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ใน WEH NUSA และ DEMCO โดยสามารถสูบกินได้ตลอดชาติ ตราบใดที่ 3 บริษัทแห่งนี้ยังไม่เหลือแต่ซาก
NUSA ดูเหมือนจะเป็นหุ้นที่ถูกวางเกมกลไว้ เพียงแต่แทบทุกธุรกรรมที่กลุ่มนายประเดช รังสรรค์ออกมานั้นไม่ธรรมดา จนตลาดหลักทรัพย์และ ก.ล.ต.ต้องเฝ้าจับตา
แต่ยังไม่อาจฟาดฟันกลุ่มนายประเดช ได้เต็มไม้เต็มมือนัก แม้นักลงทุนกังวลว่า NUSA มีโอกาสต้องดับสูญเหมือน STARK ก็ตาม