“ณุศาศิริ” ยอมรับแผนเพิ่มทุน PP วงเงิน 13,000 ล้านบาท แลกหุ้น ‘วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ’ อาจสะดุด หลัง ตลท.เตือนนักลงทุนศึกษางบฯ ทำเสียภาพลักษณ์ ฉุดราคาหุ้น ณุศาศิริฯ ร่วง แจงฐานะการเงินยังแกร่ง
นายวิษณุ เทพเจริญ กรรมการและประธานบริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA กล่าวว่า ข่าวที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ออกมมาเตือนนักลงทุนให้ระวังและศึกษางบการเงินของณุศาศิริฯ ซึ่งผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น และนักลงทุนอย่างมาก ทำให้ราคาหุ้นของณุศาศิริ ปรับตัวลดลง และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อแผนการเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ในวงเงิน 13,000 ล้านบาท เพื่อแลกกับการเข้าถือหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) กับกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ WEH อาจมีปัญหา
“สาระสำคัญคือ ผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของณุศาฯ ปรับตัวลดลง ความกังวลดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อดีลการเพิ่มทุน เนื่องจากที่ปรึกษาทางการเงินได้ประเมินมูลค่าหุ้นของบริษัทไว้ที่กว่า 1 บาท โดยแผนการเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทได้ชี้แจงต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้ว เหลือเพียงการชี้แจงกับตลท.เท่านั้น”
นายวิษณุ กล่าวว่า แผนการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อแลกหุ้น WEH ให้เข้าไปถือเพิ่มอีก 30% จากเดิมที่ NUSA ถือหุ้น WEH อยู่ 7% หากดีลการเพิ่มทุนสำเร็จ NUSA จะถือหุ้นใน WEH เพิ่มเป็น 37% ทำให้สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ WEH เข้ามาในงบการเงินของ NUSA ประเมินหาก WEH มีกำไร 6,000 ล้านบาท ถ้า NUSA ถือหุ้น 37% จะบันทึกกำไรจาก WEH เข้ามาราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการของ NUSA พลิกกลับมามีกำไร รวมถึงสามารถจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ด้วย
ทั้งนี้ แผนงานการเพิ่มทุน PP ดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทในการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจพลังงาน และจะทำให้ในอนาคต บริษัทจะมีรายได้มาจากธุรกิจหลัก 3 คือ ธุรกิจด้านธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจพลังงาน โดยธุรกิจสุขภาพและธุรกิจพลังงานจะเข้ามาเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้บริษัทต่อเนื่อง ดังนั้น การขยายธุรกิจสู่ธุรกิจพลังงาน จึงเป็นดีลที่เป็นประโยชน์กับบริษัทและผู้ถือหุ้น เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจและสร้างผลตอบแทนกลับมาให้ผู้ถือหุ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่าจะยังเดินหน้าในการเพิ่มทุนตามแผนได้ แม้ว่าราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่าราคาที่ปรึกษาทางการเงินได้ประเมินไว้ เนื่องจากการประเมินได้นำสินทรัพย์ที่บริษัทมีอยู่ในมือ โดยเฉพาะที่ดินเขา 1,000 ไร่ ซึ่งมีมูลค่าตามบัญชีอยู่ที่ 500,000 บาทต่อไร่ แต่ ณ ปัจจุบันราคาปรับตัวขึ้นมา 2-3 ล้านบาทต่อไร่ ที่ดินพัทยา 300 ไร่ ซึ่งมีมูลค่าตามบัญชี 2 ล้านบาทต่อไร่ แต่ราคาซื้อขายจริงในปัจจุบันอยู่ที่ 20 ล้านบาทไร่ และโครงการ Legend Siam ที่พัทยา มูลค่าสินทรัพย์ตามบัญชีกว่า 5,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีหนี้สินต่อทุนเพียง 0.68 เท่า ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของณุศาศิริ ฝเป็นอย่างดี
ส่วนความกังวลในเรื่องของภาระหนี้ของบริษัทและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทนั้น บริษัทได้มีการบริหารจัดการภาระหนี้ให้มีความเหมาะสม โดยที่หนี้สินระยะสั้นของบริษัทได้เปลี่ยนเป็นหนี้สินระยะยาวทั้งหมดแล้ว ซึ่งจากงบการเงินไตรมาส 1/66 มีหนี้สินระยะสั้น 3 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นตั๋ว BE ซึ่งได้เปลี่ยนเป็นหนี้สินระยะยาวทั้งหมดแล้ว ทำให้ไม่มีความกังวลว่าบริษัทจะเกิดการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้น และในส่วนของสินทรัพย์ของบริษัทที่มีอยู่ยังมีมูลค่าเพียงพอในการรองรับการชำระหนี้ หากเกิดปัญหาทางการเงินขึ้น บริษัทสามารถตัดขายสินทรัพย์ที่มีอยู่นำเงินไปชำระคืนหนี้ได้เพียงพอ