หุ้นบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA มีแนวโน้มก่อโศกนาฏกรรมตามรอยหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK และหุ้นบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO หลังตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบพบปมธุรกรรมที่ต้องสงสัย และอาจสร้างผลกระทบต่อบริษัท
ตลาดหลักทรัพย์ประกาศด่วนระหว่างพักการซื้อขายหุ้นภาคเช้า วันอังคารที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา เตือนให้ผู้ลงทุนติดตามข้อมูลงบการเงินของ NUSA และคำชี้แจงของบริษัทฯ
หลังประกาศเตือน หุ้น NUSA ถูกถล่มขายทันที เมื่อเปิดการซื้อขายในภาคบ่าย ก่อนปิดตลาดที่ 54 สตางค์ ลดลง 16 สตางค์ หรือลดลง 22.86% มูลค่าซื้อขาย 355.81 ล้านบาท
NUSA มี 3 ธุรกรรมที่ถูกจับตาคือ การซื้อโรงแรมในเยอรมนีที่มีความซับซ้อนการจัดโครงสร้างผู้ขาย และการเปลี่ยนเงื่อนไขการซื้อหลายครั้ง โดยจ่ายเงินมัดจำให้ผู้ขายแล้ว 624 ล้านบาท หรือ 84% ของราคาซื้อไม่เกิน 740 ล้านบาท
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ NUSA ชี้แจงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและเงื่อนไขการลงทุนในโรงแรม ความคืบหน้าและกรอบเวลาในการทำ Due diligence แล้วเสร็จ และเหตุใดจึงไม่เรียกคืนเงินมัดจำทันที
และเดือนกรกฎาคม 2565 NUSA ลงทุนใน บริษัท มอร์ มันนี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด 30% โดยบริษัทย่อยของ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ถือหุ้นสัดส่วน 50% และได้วางเงินมัดจำให้มอร์ มันนี่
แต่ได้ยกเลิกการร่วมลงทุน และขายหุ้นมอร์ มันนี่ โดยโอนกรรมสิทธิ์ในหุ้นให้ผู้ซื้อแล้ว แต่ยังไม่ได้รับชำระค่าขายหุ้น ขณะที่มอร์ มันนี่ ขอขยายเวลาคืนเงินเพิ่มทุนและเงินมัดจำรวม 57.5 ล้านบาท ออกไปอีก 90 วัน ซึ่งครบวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 และวันที่ 11 สิงหาคม 2566
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ชี้แจงเหตุผลที่ขยายเวลาคืนเงินเพิ่มทุนและเงินมัดจำ มาตรการดำเนินการเพื่อให้ได้รับคืนเงินเมื่อครบกำหนด เวลาที่ขยาย รวมทั้งผลกระทบต่อสภาพคล่องของกลุ่มบริษัท ภายในวันที่ 25 กรกฎาคม 2566
และกรณีผู้สอบบัญชีให้ข้อสังเกตเรื่องความสามารถของกลุ่มบริษัทในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนต่อเนื่องหลายปี และสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2566 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินสำคัญ คือ เจ้าหนี้ค่างานก่อสร้างของ บริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม จำกัด รวม 1,723 ล้านบาท โดย China International Economic and Trade Arbitration Commission มีคำชี้ขาดข้อพิพาท ให้บริษัทชำระหนี้ของณุศา เลเจนด์
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ชี้แจงความคืบหน้าของข้อพิพาท รวมถึงผลกระทบต่อเหตุผิดนัด ในมูลหนี้อื่นของบริษัท เช่น หนี้หุ้นกู้ เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เนื่องจากแต่ละประเด็นอาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและสภาพคล่องของบริษัท
บ่ายวันเดียวกัน NUSA ออกข่าวชี้แจงผ่านสื่อ ระบุว่า รายการเข้าซื้อโรงแรมที่เยอรมนี โดยการที่ไม่รับเงินมัดจำคืนทันที เนื่องจากผู้ขายหุ้นคือบุคคลเดียวกับผู้ขายทรัพย์เดิม และปัจจุบันบริษัทได้รับการโอนกรรมสิทธิ์ในหุ้นแล้ว
ส่วนรายการเกี่ยวกับบริษัท มอร์ มันนี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาบริษัทได้รับชำระค่าหุ้นจำนวน 1.5 ล้านบาทแล้ว ยังคงเหลืออีกจำนวน 57.5 ล้านบาท โดยได้รับแจ้งขอขยายเวลาชำระคืนเงินเพิ่มทุนและเงินมัดจำ จำนวนรวม 57.5 ล้านบาท เนื่องจากมอร์ มันนี่ ใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงขอขยายระยะเวลาออกไปอีก 90 วัน โดยบริษัทคิดดอกเบี้ยในเงินส่วนที่ให้มีการขยายระยะเวลา
และความสามารถของกลุ่มบริษัทในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง กรณีเจ้าหนี้ค่างานก่อสร้างของบริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม จำกัดนั้น ข้อพิพาทการชำระหนี้ยังไม่เป็นเหตุให้ผิดนัดในมูลหนี้อื่น เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งศาลเป็นที่สิ้นสุด
หากคำพิพากษาสิ้นสุดให้บริษัทชำระหนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มทุนให้บุคคลในวงจำกัด ในวงเงินประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอในการชำระหนี้และการขยายงานในอนาคต
การที่ NUSA เร่งแจงปมปัญหาที่ตลาดหลักทรัพย์สั่งให้ชี้แจงนั้น เพื่อยับยั้งความตื่นตระหนกของนักลงทุน และหยุดการไหลลงของราคาหุ้น
แต่ NUSA จะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาได้หรือ เพราะยังมีอีกหลายธุรกรรมก่อนหน้าที่ถูกจับตา ไม่ว่าการออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 450 ล้านหุ้น แลกซื้อหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง จำกัด สัดส่วน 8% ของทุนจดทะเบียน
และการซื้อหุ้นบริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO จำนวน 93 ล้านหุ้น ซึ่งที่ปรึกษาการเงินอิสระไม่เห็นด้วยกับธุรกรรมซื้อหุ้นและการกู้เงินซื้อหุ้น เนื่องจากเงื่อนไขไม่เหมาะสม
ผลประกอบการ NUSA ย่ำแย่มาตลอด ขาดทุนหลายปีติดต่อ มีแต่ข่าวการซื้อหุ้นบริษัทอื่น การขยายการลงทุนที่ออกมากระตุ้นราคาหุ้นเท่านั้น
และข่าวที่อาจมีผลต่อราคาหุ้นล่าสุดคือ แผนเพิ่มทุนขายให้บุคคลในวงจำกัด 13,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าสำเร็จ NUSA มีเงินใช้หนี้แน่
แต่ชั่วโมงนี้ใครจะใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยเฉพาะซื้อหุ้นเพิ่มทุน NUSA ที่ผลประกอบการขาดทุนตลอด
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หุ้น NUSA คึกคักจากการสร้างข่าว จนราคาถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 1.83 สตางค์ ทั้งที่ผลประกอบการขาดทุน
แต่ช่วงเวลาดีๆ ของ NUSA อาจใกล้ปิดฉากลงแล้ว เพราะปมปัญหาที่ถูกหมกไว้กำลังถูกตรวจสอบ
ราคาหุ้น NUSA จึงมีสิทธิหัวทิ่มเหมือน STARK และ OTO
(พรุ่งนี้อ่านต่อ NUSA จะอยู่หรือไป ภายใต้ธงนำของกลุ่มนายประเดช กิตติอิสรานนท์)