xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบีคาดจีดีพีปี 66 โต 3.1% แนะปรับพอร์ตร้บความผันผวน-ปัจจัยการเมืองรอผลตั้งรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จัดงานสัมมนาการลงทุน Mid-Year Outlook มองจีดีพีไทยเติบโต 3.1% เงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดส่งผลให้วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุด แต่เงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงที่จะสูงได้อีกระยะหนึ่ง แนะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ลงทุนในสินทรัพย์ผสม ตราสารหนี้ประเภท Investment Grade ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงและมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ แนะนำการลงทุนในกลุ่มการดูแลสุขภาพทั่วโลก และในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกที่ไม่รวมญี่ปุ่น อาเซียน และตลาดจีน พร้อมมองสถานการณ์การเมืองรอผลตั้งรัฐบาล

**เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทาย**
นายเอ็นริโก้ ทานูวิดฮาฮา นักเศรษฐศาสตร์ Global Economic and Market Research ธนาคารยูโอบี
เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธนาคารมองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ร้อยละ 3.1 ในปีนี้ อีกทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะขยับขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 3.5 ในปี 2567 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยเฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบร้อยละ 6 ในปีที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำลงนี้จึงส่งผลกระทบเชิงลบน้อยลงต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศโดยรวม และสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ประเมินอยู่ที่ร้อยละ 1-3 ธนาคารประเมินว่าในปีหน้าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจะลดลงไปอยู่ที่ร้อยละ 2.2 จากระบบห่วงโซ่อุปทานโลกที่เข้าสู่ภาวะฟื้นตัว

"เรามองว่ายังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เงินเฟ้อโดยรวมจะยังคงสูงอยู่อีกระยะ ได้แก่ สถานการณ์เอลนีโญ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และกลุ่มโอเปกที่จะลดกำลังการผลิตลง จึงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ และคงดอกเบี้ยจนถึงไตรมาส 3 ปีหน้า และจึงปรับลง ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มเงินดอลลาร์อ่อนค่า และเงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยคาดการณ์เงินบาทปลายปีนี้ที่ 34 บาท และปีหน้าที่ 33 บาท ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดการที่ระด้บ 2.00% ณ สิ้นปีนี้ และที่ระด้บ 1.75% ในไตรมาสแรกจนถึงปลายปีหน้า พร้อมกันนั้น ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากการเข้าสู่สังคมสูงวัย และปัญหาหนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เรายังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงสามารถมองหาโอกาสในการพัฒนา จากภาคการส่งออกอาหารที่มีความเข้มแข็ง การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และอีคอมเมิร์ซ์ และเชื่อมั่นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตดี มีสถานะทางการคลัง และนโยบายการเงินที่มั่นคง"

สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ นายเอ็นริโก้ กล่าวว่า เรามองความเป็นไปได้ในสองทางคือ หากกลุ่มเดิมได้เป็นรัฐบาลแนวทางการจัดทำนโยบายต่างๆ คงจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก การจัดทำงบประมาณน่าจะขาดดุลแค่ 3-4% แต่ถ้าเป็นกลุ่มใหม่อาจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น การปรับขึ้นค่าแรง การให้สวัสดิการด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาระการคลังขยายตัว แต่ช่วยในเรื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจเช่นกัน นอกจากนี้ รัฐบาลที่เข้ามาควรดูแลในเรื่องของการเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศ รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น จะเป็นตัวที่ฉุดรั้งการบริโภค รวมถึงควรหาโอกาสเพิ่มในจุดเด่นของไทย เช่น การเป็นประเทศผู้ผลิตอาหารระดับต้นๆ ของโลก ภาคเภสัชกรรม-การแพทย์ อีคอมเมิร์ช และกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์-รถอีวี เป็นต้น

**เผยกลยุทธ์สร้างพอร์ตลงทุนเพื่อรับมือกับความผันผวน **
นายเอเบล ลิม Head of Wealth Management Advisory and Strategy ธนาคารยูโอบี เน้นย้ำถึงความสำคัญในการถือพอร์ตลงทุนที่มีความหลากหลายที่ตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ทางการเงินในระยะยาวของนักลงทุน โดยกล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา นักลงทุนได้รับผลกำไรตามคาดหมายควบคู่ไปกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหลายอย่าง เช่น การล่มสลายของธนาคารระดับภูมิภาคถึง 3 แห่งทั้งในและนอกประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ก่อให้เกิดวิกฤตความเชื่อมั่นในวงการธนาคาร ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจในตลาดที่พัฒนาแล้ว (Developed Market) เริ่มเข้าสู่สภาวะชะลอตัว และอาจทำให้สภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งปีหลังนี้เกิดความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ธนาคารพร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่เข้ากับวัตถุประสงค์ทางการเงินในระยะยาว

"แม้ตลาดจะมีความผันผวน แต่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับลูกค้าที่ควรลงทุนในตราสราหนี้ทุกประเภท เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่สูงขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อได้ขึ้นไปแตะจุดสูงสุด และการดำเนินนโยบายทางการเงินทั่วโลกแบบรัดกุมกำลังเข้าสู่จุดสิ้นสุด โดยการลงทุนในตราสารหนี้ที่ถือครองแบบระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และโอกาสในการซื้อตราสารหนี้ที่น่าสนใจเหล่านี้อาจหมดไปในอนาคตอันใกล้นี้ อีกทั้งการลงทุนในตราสารหนี้มักจะให้ผลตอบแทนสูง และกำไรจากส่วนต่างดีกว่าการลงทุนในหุ้นในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรือถดถอย และที่สำคัญคือการควบคุม Upside Risk ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยการกระจายพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสมด้วย"

ในส่วนของ Top Ideas สำหรับลูกค้าที่ต้องการจะลงทุนในหุ้น นายลิม แนะนำให้ลูกค้าลงทุนในกลุ่มการดูแลสุขภาพทั่วโลก (Global Healthcare) เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการรองรับสังคมผู้สูงอายุและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และหุ้นในเอเชียแปซิฟิกที่ไม่รวมญี่ปุ่น อาเซียน และจีน (Asia-ex Japan/ASEAN/China) แม้จะยังเจอแรงปะทะในระยะสั้นจากการที่เศรษฐกิจจีนยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และมูลค่าการส่งออกทั่วภูมิภาคเอเชียปรับตัวลดลง แต่ในมุมมองระยะกลางเป็นไปในเชิงบวก จากการบริโภคในภูมิภาคที่ยังแข็งแรง อีกทั้งระดับมูลค่าหุ้นในกลุ่มนี้ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ

**มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันด้านการบริหารความมั่งคั่ง*
นายกิดอน เจอโรม เคสเซล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์เงินฝากและบริหารการลงทุนบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า ในด้านของการบริการ ธนาคารยูโอบีมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและเทคโนโลยีที่พร้อมให้บริการแนะนำการลงทุนแบบครบวงจรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ธนาคารจะมีการเปิดตัว PAT (Portfolio Advisory Tool) ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบและบริหารพอร์ตลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ในเดือนสิงหาคมนี้ และจะเริ่มเปิดให้ลงทุนโดยตรงในตราสารหนี้-กองทุนต่างประเทศได้ในปลายปีนี้

"นักลงทุนต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ และกระจายพอร์ตการลงทุนให้หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนของธนาคารยูโอบี และผลิตภัณฑ์และบริการลงทุนที่หลากหลายและครบวงจรสำหรับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์นอกประเทศไทย ธนาคารสามารถมอบคำแนะนำด้วยความใส่ใจในทุกเรื่องที่สำคัญสำหรับนักลงทุน ก่อนการตัดสินใจลงทุนใดๆ นักลงทุนควรตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าพวกเขามีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนและได้พิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น"
กำลังโหลดความคิดเห็น