นายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกโรงมาชี้แจงแล้วสำหรับแนวทางป้องกันแก้ไขไม่ให้โศกนาฏกรรมกรณีหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE และหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เกิดขึ้นซ้ำรอย
แต่ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปัจจุบันยังเงียบกริบ ไม่มีคำชี้แจงใดๆ ในการแก้ไขปัญหาใน STARK ทั้งที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นโดยตรง และมีอำนาจล้นฟ้าในการเข้าตรวจสอบข้อมูลภายในและควบคุมทรัพย์สินบริษัทฯ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ผู้ลงทุน
ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ยอมรับว่า นับตั้งแต่เกิดปัญหากับหุ้น MORE ซึ่งส่งผลกระทบต่อนักลงทุนจำนวนมาก ได้มีการตรวจสอบระบบการทำงานภายในของตลาดหลักทรัพย์ และจะเสนอแก้ไขกฎระเบียบ และกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก
ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ถูกพุ่งเป้าโจมตี ฐานหละหลวมในการป้องกันการทุจริตของบริษัทจดทะเบียน ขาดประสิทธิภาพในการตรวจสอบ และล้มเหลวในการปกป้องผลประโยชน์ผู้ลงทุนในหุ้น STARK ซึ่งผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ได้ตระหนักถึงบทบาทหน้าในการที่ต้องรับผิดชอบแล้ว
และแถลงถึงแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ อนาคตจะเป็นบทพิสูจน์การทำงานของนายภากร
แต่ยังไม่มีผู้บริหาร ก.ล.ต.คนใดออกมาชี้แจงแนวทางการแก้ปัญหา STARK ทั้งที่ประชาชนผู้ลงทุนรอคอยบทบาทหน้าที่และมาตรการแก้ปัญหาของ ก.ล.ต.
ก.ล.ต.อยู่ในช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านเลขาธิการคนใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า จะแต่งตั้งใครระหว่างวรัชญา ศรีมาจันทร์ รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กับ พรอนงค์ บุษราตระกูล หัวหน้าภาควิชาการธนาคารและการเงิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แต่นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ ก.ล.ต.ยังทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการอยู่ และในวาระเร่งด่วน เพื่อยับยั้งความเสียหายของ STARK ไม่ให้ลุกลามบานปลาย และปกป้องทรัพย์สินของผู้ถือหุ้น
ผู้บริหาร ก.ล.ต. คนใดก็ได้ควรจะต้องออกมาชี้แจงถึงมาตรการแก้ปัญหา STARK เพื่อเยียวยาจิตใจของนักลงทุน โดยไม่จำเป็นต้องรอการแต่งตั้งเลขาธิการคนใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่
ก.ล.ต. จะรอให้ STARK เหลือแต่ซากหรือ
ถ้าไม่มีเลขาธิการ ก.ล.ต.จะกลายเป็นองค์กรที่ง่อยเปลี้ยเสียขา ทำงานอะไรไม่ได้เลยหรือ
อำนาจของ ก.ล.ต.ไม่ใช่ไม่มีเสียเลย และไม่ได้เป็นองค์กรเสือกระดาษ เพียงแต่อำนาจเด็ดขาดไม่เคยถูกใช้ แม้ว่า น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อดีตเลขาธิการ ก.ล.ต.คนล่าสุด จะเคยพูดถึงขอบข่ายอำนาจเหลือล้นของ ก.ล.ต.ช่วงที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ก็ตาม
ก.ล.ต.สามารถใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ถ้ามีเบาะแสการทุจริตอันอาจสร้างความเสียหายให้ผู้ถือหุ้น สามารถยึดและอายัดทรัพย์ของผู้บริหารจดทะเบียนที่มีพฤติกรรมยักยอกทรัพย์สิน และขออำนาจศาลสั่งห้ามผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนตัวโกงออกนอกประเทศได้
แต่ตลอด 35 ปีนับก่อตั้ง ก.ล.ต.ไม่เคยใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกับโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนแต่อย่างใด เพราะคณะกรรมการ ก.ล.ต. และเลขาธิการ ก.ล.ต.ขาดความกล้าหาญในการใช้อำนาจ เพื่อปกป้องประชาชนผู้ลงทุน
การไซฟ่อน ผ่องถ่าย โยกย้ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียนจึงดำเนินมาถึงทุกวันนี้ และมีบริษัทจดทะเบียนนับสิบๆ แห่งแล้วต้องล่มสลายจากการที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนยักยอกทรัพย์
และ STARK เป็นความล่มจมของประชาชนผู้ลงทุนจำนวนมากกรณีล่าสุด
วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายนนี้ ผู้ลงทุนหุ้น STARK จะบุก ก.ล.ต. ทวงถามแนวทางแก้ไข เรียกร้องให้เข้าควบคุมทรัพย์สินของบริษัทฯทั้งหมด เพื่อป้องกันการผ่องถ่าย ซึ่งจะสร้างความสูญเสียให้ผู้ถือหุ้นมากขึ้น
ทำไม ก.ล.ต.ต้องรอให้ผู้ถือหุ้นต้องลุกฮือขึ้นมาเรียกร้อง ทำไมไม่ทำงานตามหน้าที่ และทำไมไม่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกับ STARK
ถ้า ก.ล.ต.ตระหนักในบทบาทหน้าที่ของตัวเอง มีความกล้าที่จะแก้ไขปัญหา STARK คงไม่สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้ประชาชนผู้ลงทุนในตลาดหุ้น
แต่ 35ปี ที่ผ่านมา ความตระหนักในภารกิจดูแลตลาดหุ้นให้ดำเนินไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมมีน้อยกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น
ตลาดหุ้นจึงมีอาชญากรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด