ผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้การไล่ฟ้องคอยน์เบสและไบแนนซ์ของเอสอีซีล่าสุด อาจเป็นเรื่องที่ดีในระยะยาวหากนำไปสู่กฎระเบียบที่มีความชัดเจนขึ้น แต่ในระยะสั้นการกระทำนี้อาจกดดันให้บริษัทคริปโตมองหาทางหนีทีไล่ไปทำมาหากินในประเทศอื่นแทน
วันอังคาร (6 มิ.ย.) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (เอสอีซี) ยื่นฟ้องคอยน์เบส กระดานเทรดสกุลเงินดิจิตอลใหญ่สุดในอเมริกา กวาดรายได้หลายพันล้านดอลลาร์จากการอำนวยความสะดวกในการซื้อขายสินทรัพย์คริปโตโดยผิดกฎหมาย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (5 มิ.ย.) เอสอีซีเพิ่งฟ้องไบแนนซ์ แพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่จดทะเบียนบนเกาะเคย์แมน และฉางเผิง จ้าว หรือ CZ ผู้ก่อตั้ง ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ รวมทั้งสั่งอายัดทรัพย์สินทั้งหมดในการดูแลของไบแนนซ์ในอเมริกา และ CZ
พอล เกรวาล ที่ปรึกษาทั่วไปของคอยน์เบส ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตใหญ่สุดในอเมริกาที่มีผู้ใช้ 110 ล้านราย และสินทรัพย์ 80,000 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2022 กล่าวว่า การที่เอสอีซีพึ่งพิงแนวทางการบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวโดยที่ไม่มีกฎระเบียบควบคุมอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิตอลที่ชัดเจนกำลังทำร้ายศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอเมริกา รวมทั้งบริษัทอย่างคอยน์เบสที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
เจสัน ออลลิแกรนเต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและฝ่ายกำกับดูแลของบริษัทโครงสร้างพื้นฐาน ไฟร์บล็อกส์ บอกว่า ความกดดันด้านกฎระเบียบเป็นแรงจูงใจให้แพลตฟอร์มเทรดคริปโตย้ายออกนอกอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากธุรกิจนี้สามารถโยกย้ายได้ง่ายดาย ไม่เหมือนอุตสาหกรรมการผลิต
เมื่อเร็วๆ นี้คอยน์เบสเผยว่า ได้รับใบอนุญาตให้บริการในเบอร์มิวดา ซึ่งบริษัทมีแผนเปิดแพลตฟอร์มเทรดคริปโต นอกจากนั้นคอยน์เบสยังเพิ่มเดิมพันกับธุรกิจในแคนาดา
แอนดรูว์ ลอว์เรนซ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) เซ็นโซ ผู้ให้บริการโซลูชันการจัดการไพรเวทคีย์ คาดว่า บริษัทจำนวนมากขึ้นอาจตัดสินใจแบบเดียวกับคอยน์เบส เพราะถึงอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ที่สุด แต่ผู้เล่นในอุตสาหกรรมคริปโตไม่ได้โฟกัสที่ขนาดตลาดปัจจุบัน แต่เป็นขนาดตลาดในอนาคต และคนเหล่านี้เห็นแล้วว่า อนาคตในอเมริกาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เบน เคสลิน รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของกระดานเทรดคริปโต มาสก์เอ็กซ์ เห็นด้วยว่า นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับสตาร์ทอัพคริปโตในอเมริกา เพราะคงมีเพียงผู้เล่นขนาดใหญ่อย่างคอยน์เบสที่สามารถรับมือกับหน่วยงานกำกับดูแลได้ ขณะที่ทางออกที่ดีกว่าสำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจขนาดเล็กคือการขยับขยายไปหาลู่ทางในประเทศอื่นแทน
กระนั้น สำหรับแกรี่ เกนสเลอร์ ประธานเอสอีซี บอกว่า ไม่กังวลเลยกับแนวโน้มที่บริษัทคริปโตจะย้ายออกจากอเมริกา โดยเมื่อวันอังคาร (6 มิ.ย.) เขาให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก ทีวีว่า อเมริกาไม่ต้องการสกุลเงินดิจิตอลเพิ่มนอกเหนือจากที่มีอยู่แล้วคือดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน การตัดใจทิ้งอเมริกาไม่ได้ง่ายดายสำหรับทุกคน
เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์อาวุโสของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ Oanda ชี้ว่า มีแนวโน้มที่อเมริกาจะเป็นต้นกำเนิดคลื่นความสนใจในคริปโตระลอกใหม่ ดังนั้น การจะถอนตัวจากตลาดนี้โดยสิ้นเชิงจึงเป็นเรื่องยาก
แม้แต่ไบรอัน อาร์มสตรอง ซีอีโอคอยน์เบส ยังบอกว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นกับอเมริกา 100% หลังจากถูกเอสอีซีเตือนว่า จะดำเนินการตามกฎหมายเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และหลังจากถูกฟ้องล่าสุด คอยน์เบสยังประกาศว่า จะทุ่มเทความพยายามกับธุรกิจในอเมริกาต่อไป
มาร์ก ปาล์มเมอร์ จากบริษัทโบรกเกอร์ เบเรนเบิร์ก แคปิตอล มาร์เก็ตส์ มองว่า การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น และแพลตฟอร์มเทรดคริปโตนำโดยคอยน์เบส มีแนวโน้มต่อสู้ในศาลด้วยความหวังว่า ทิศทางการเมืองอเมริกาจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคที่ผู้นำเป็นมิตรต่อคริปโต