หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินแจ้งข้อกล่าวหา Binance และ CZ ว่ายักยอกเงินของนักลงทุนไปยังบริษัทอื่น และบิดเบือนข้อมูลต่อหน่วยงานกำกับดูแล
จากการรายงานของสำนักข่าว theguardian ระบุว่า Binance ซึ่งเป็นกระดานแลกเปลี่ยน cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ในโลกและนายจ้าวฉางเผิง ผู้ก่อตั้งและบริหารระดับสูงกำลังถูกฟ้องร้องโดยหน่วยงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในข้อกล่าวหาระบุว่าพวกเขาทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์ในขณะเดียวกันก็ “ทำให้สินทรัพย์ของนักลงทุนตกอยู่ในความเสี่ยง”
ในการยื่นฟ้องต่อศาล สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวหาว่า Binance ยักย้ายถ่ายเทเงิน “หลายพันล้านดอลลาร์” ในกองทุนของลูกค้า และกระจายเงินพวกเขาไปยังบริษัทแยกต่างหาก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมโดย จ้าวฉางเผิง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูง
ขณะที่ Gurbir Grewal ผู้อำนวยการฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของ SEC กล่าวว่า “ในข้อกล่าวหาของเราที่แจ้งต่อ จ้าวฉางเผิง และหน่วยงานในการบริหารของ Binance ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าเขารับรู้ถึงกฏระเบียบในการประกอบธุรกิจเป็นอย่างดี แต่พวกเขายังเลือกที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ และทำให้ลูกค้าและนักลงทุนของพวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยง”
ในการร้องเรียนที่ยื่นเมื่อวันจันทร์ที่ศาลแขวงของรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน ก.ล.ต. กล่าวเพิ่มเติมว่า “จำเลยกอบโกยรายได้ความมั่งคั่งและร่ำรวยขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่สินทรัพย์ของนักลงทุนกลับตกอยู่ในความเสี่ยง” ทั้งนี้จากข้อมูลและข้อกล่าวหาและการร้องเรียนซึ่งอ้างว่าระหว่างเดือนมิถุนายน 2018 ถึงกรกฎาคม 2021 Binance มีรายได้อย่างน้อย 11.6 พันล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 9.3 พันล้านปอนด์) โดยส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมคริปโต
ขณะที่ท่ามกลางข้อกล่าวหาอื่นๆ ก.ล.ต. กล่าวหาว่าในขณะที่ จ้าวฉางเผิง และ Binance อ้างต่อสาธารณชนว่า ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาถูกจำกัดไม่ให้ทำธุรกรรมบน Binance.com “ในความเป็นจริง จ้าวฉางเผิง และ Binance มีความพยายามที่จะล้มล้างหลักเกณฑ์การควบคุมของตนเอง แต่กลับแอบอนุญาตให้ลูกค้าที่มีมูลค่าสินทรัพย์สูงในสหรัฐฯ ทำการซื้อขายต่อไปบน แพลตฟอร์ม Binance.com”
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่บันทึกของ ก.ล.ต. มีการฟ้องร้องทางแพ่ง 13 ข้อหาต่อ จ้าวฉางเผิง , Binance Holdings และอีก 2 หน่วยงานที่เชื่อมโยงกับ Binance, BAM Trading Services และ BAM Management US Holdings โดย ก.ล.ต. กล่าวว่า Binance และ BAM เป็นผู้ดำเนินการแพลตฟอร์ม Binance.US ซึ่งสร้างขึ้นสำหรับลูกค้าในสหรัฐฯ หลังจากที่แพลตฟอร์มหลักของ Binance ใน 2019 ซึ่งแจ้งว่ากำลังจะออกจากตลาดสหรัฐฯ
ก.ล.ต. กล่าวหาว่า ในขณะที่ จ้าวฉางเผิง และ Binance อ้างต่อสาธารณะว่า Binance.US ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายแยกต่างหากที่เป็นอิสระสำหรับนักลงทุนในสหรัฐฯ “จ้าวฉางเผิง และ Binance แอบควบคุมการดำเนินงานของแพลตฟอร์ม Binance.US อยู่เบื้องหลัง”
นอกจากนี้ ก.ล.ต. อ้างว่า จ้าวฉางเผิง และ Binance สามารถรวมหรือโอนสินทรัพย์ของลูกค้า "ตามที่พวกเขาต้องการ" รวมถึงนิติบุคคลที่ควบคุมโดย Zhao ที่เรียกว่า Sigma Chain อย่างไรก็ดีหน่วยงานกำกับดูแลอ้างว่า Sigma มีส่วนร่วมใน “การซื้อขายที่หลอกลวง” ซึ่งทำให้ปริมาณการซื้อขายสูงเกินจริงบน Binance.US
ขณะที่ ก.ล.ต. ได้ทำการเรียกเก็บ Binance และ BAM Trading กับการดำเนินการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน นายหน้า ตัวแทนจำหน่าย และสำนักหักบัญชี เช่นเดียวกับการเสนอขายและขายสินทรัพย์ crypto ที่ไม่ได้จดทะเบียน รวมถึง Binance USD stablecoin ซึ่งเป็นโทเค็นดิจิทัลที่มีมูลค่าตรึงอยู่กับเงินดอลลาร์อเมริกัน โดยกล่าวหาว่า จ้าวฉางเผิง เป็น "ผู้ควบคุม" สำหรับการดำเนินการแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้จดทะเบียน
ทั้งนี้การร้องเรียนของ ก.ล.ต. อ้างว่า จ้าวฉางเผิง สั่งให้ Binance ปกปิดการเข้าถึง Binance.com ของลูกค้าที่มีการใช้จ่ายสูงในสหรัฐฯ ในหลักฐานชิ้นหนึ่งที่รวมอยู่ในคดีความ หัวหน้าเจ้าหน้าที่กำกับดูแลของ Binance ได้ส่งข้อความถึงเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งโดยกล่าวว่า “เรากำลังดำเนินการในฐานะบริษัทแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ไม่มีใบอนุญาตในสหรัฐอเมริกา” นอกจากนี้ในคดีความ CCO ของ Binance ยังอ้างอีกว่า “เราไม่ต้องการให้ Binance.com ถูกควบคุมตลอดไป”
ด้านโฆษกของ Binance กล่าวว่า “เราต้องการความชัดเจนว่าในขณะที่เราพิจารณาข้อกล่าวหาในการร้องเรียนของ ก.ล.ต. อย่างจริงจัง พวกเราไม่ควรอยู่ภายใต้การดำเนินการบังคับใช้ของ ก.ล.ต. ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเร่งด่วน เพราะพวกเขาไม่เป็นกลางและไม่ยุติธรรม”
ขณะที่ John Stark อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของ ก.ล.ต. และอาจารย์อาวุโสที่โรงเรียนกฎหมายของมหาวิทยาลัย Duke กล่าวว่า ก.ล.ต. นั้น “ก้าวร้าวอย่างไม่น่าเชื่อต่ออุตสาหกรรม crypto" โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทาง ก.ล.ต.ได้ประกาศการดำเนินการบังคับใช้ที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency มากกว่า 30 รายการตั้งแต่ปี 2022 Stark กล่าวเสริมว่า การร้องเรียนประกอบด้วย “ข้อกล่าวหาที่น่ารังเกียจ” รวมถึงหลักฐานว่าการกระทำของ Binance นั้น “ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบด้านกฎระเบียบ”
ทั้งนี้ในเดือนมีนาคม US Commodity Futures Trading Commission ฟ้อง Binance และ จ้าวฉางเผิง โดยในการร้องเรียนที่อ้างว่าจำเลยกระทำการ “จงใจหลีกเลี่ยงกฎหมายของสหรัฐฯ” ข้อกล่าวหาในการร้องเรียนรวมถึงการอ้างว่า Binance ช่วยลูกค้าในสหรัฐฯ ซื้อขายบนแพลตฟอร์ม แม้ว่าจะไม่ได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบก็ตาม
ขณะที่เกิดกระแสข่าวการฟ้องร้องระหว่าง Binance และ จ้าวฉางเผิง ซึ่งเป็นกระดานเทรดอันดับ 1 ของโลก ส่งผลให้ Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปรับตัวร่วงลงมากถึง 6% สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบสามเดือน ขณะที่ BNB สกุลเงินดิจิทัลของ Binance ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกตามขนาดตลาด ปรับตัวร่วงลงมากกว่า 5%
ขณะที่นักลงทุนให้ความเห็นผ่านทางชุมชนคริปโตว่าข้อกล่าวหาของ ก.ล.ต. อาจทำให้ Binance สั่นคลอนได้ โดยคดีนี้น่าจะสะท้อนถึงอุตสาหกรรม crypto ซึ่ง Binance ถือครองการซื้อขาย crypto โดยดำเนินการซื้อขายมูลค่าประมาณ 65 พันล้านดอลลาร์ต่อวันในข้อมูลสถิติปีที่แล้ว