นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มลูกค้าธุรกิจในปี 2566 ทั้งในส่วนของลูกค้าขนาดใหญ่ที่มียอดขาย 400 ล้านบาทขึ้น และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มียอดขายไม่เกิน 400 ล้านบาทนั้น ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเติบโต 3% หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อปล่อยใหม่อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท จากยอดสินเชื่อคงค้างปัจจุบันอยู่ที่ 5 แสนล้านบาท
สำหรับในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมตั้งเป้าหมายเติบโต 14% อยู่ที่กว่า 4,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะมาจากธุรกรรมเทดไฟแนนซ์-ธุรกรรมป้องกันอัตราแลกเปลี่ยน (FX) และการบริหารจัดการเงินสด (Cash management) ซึ่งในปีนี้ธนาคารยังเน้นการเติบโตอย่างระมัดระวัง แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้น
ในด้านความเสี่ยงทางด้านต้นทุน (Risk Cost) หรือความเสี่ยงจากต้องตั้งสำรองของหนี้สงสัยจะสูญจะปรับลดลงเหลือ 0.9% จากปีก่อนอยู่ที่ 1.2% ซึ่งปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ต่ำกว่า 3% ขณะที่เงินฝากเพื่อทำธุรกรรมเติบโต 10% สัดส่วนเพิ่มเป็น 85% ของเงินฝากธุรกิจทั้งหมด จากปีก่อนอยู่ที่ 80% พร้อมกันนั้น ตั้งเป้าฐานลูกค้า Digital เพิ่มขึ้น 20% และปริมาณธุรกรรมทางด้านดิจิทัลเติบโตเพิ่มขึ้น 30% จาก 40 ล้านรายการ เพิ่มเป็น 52 ล้านรายการ ทำให้สัดส่วนธุรกรรมผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มเพิ่มเป็น 96% ของธุรกรรมลูกค้าธุรกิจทั้งหมด
"สัญญาณธุรกิจเอสเอ็มอียังเป็นภาพการฟื้นตัวจากโควิด-19 แต่ธุรกิจรายใหญ่ฟื้นตัวชัดเจนกว่า และเริ่มกลับมามีความต้องการสินเชื่อมากขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาลูกค้าจะหันไประดมทุนผ่านหุ้นกู้ค่อนข้างสูง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเพื่อล็อกต้นทุนจากดอกเบี้ยขาขึ้น แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยอุตสาหกรรมจะค่อนข้างกระจายตัว”
ด้านความเสี่ยง มองว่าลูกค้าธุรกิจยังคงเผชิญความท้าทาย 4 เรื่อง ได้แก่ 1.ด้านสิ่งแวดล้อม หรือ ESG ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ 2.ด้านการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี (Digital Transformation) 3.สงครามการแย่งคน (Talent War) และ 4.ความท้าทายของการค้าระหว่างประเทศ ดังนั้น แผนการดำเนินธุรกิจของธนาคารจะช่วยลูกค้าผ่านความท้าทายต่างๆ นี้ไปให้ได้
นายศรัณย์ กล่าวอีกว่า หนึ่งในเรื่องที่ธนาคารให้ความสำคัญเป็นเรื่องของ ESG โดยได้ตั้งเป้าสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวและสีฟ้า (Green and Blue Loan) เป็นวงเงินกว่า 5 หมื่นล้านบาทภายใน 5 ปี ทำให้สัดส่วนสินเชื่อสีเขียวทางด้าน ESG เพิ่มขึ้นจาก 2.5% เป็น 5% นอกจากนี้ ธนาคารยังได้มีนโยบายที่จะส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจที่สามารถบรรลุ KPI ของ ESG ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ภายใต้ผลิตภัณฑ์ Sustainability Linked Loan และ Sustainability Linked Derivatives และในส่วนของลูกค้าเอสเอ็มอี ธนาคารมีแผนการให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว พร้อมตั้งเป้าที่จะสนับสนุนสินเชื่อวงเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท ภายใน 5 ปี ภายใต้ Transformation Loan Supply Chain Solutions และ Refinance Program
รวมถึงการรับมือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี สะท้อนจากคนไทยที่มีสัดส่วนการใช้โมบายแบงกิ้งอันดับ 1 ของโลก และเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 77.8% โดยธนาคารได้พัฒนาการบริหารจัดการธุรกรรมการเงินด้วยโซลูชันครบวงจร (Cash Management Solutions) ที่ครอบคลุมและแตกต่าง รองรับการรับเงิน การจ่ายเงิน และการบริหารสภาพคล่อง ด้วยฟีเจอร์ที่โดดเด่นและตอบโจทย์ โดยสามารถจัดการทั้งเงินและเอกสารสู่ระบบดิจิทัลได้ทั้งหมด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขาย
พร้อมกันนั้น จะมีการเปิดตัว Digital HRM ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถบริหารจัดการงานบุคคลได้อย่างครบวงจรตั้งแต่ บันทึกเวลาเข้าออกงาน ส่งใบลา และเบิกค่าใช้จ่ายเป็นต้น
"ปัญหาสงครามแย่งบุคลากรที่มีทักษะและความรู้ความสามารถเป็นหนึ่งในปัญหาที่ผู้ประกอบการธุรกิจประสบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กร จึงได้พัฒนาโซลูชันบริการการจ่ายเงินเดือนและดูแลสวัสดิการพนักงานแบบครบวงจร (ttb payroll plus) ที่ครอบคลุมชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นของพนักงาน รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่จะเปิดตัวใหม่นี้จะเป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ให้ผู้ประกอบการได้"
และด้านความผันผวนทางด้านการค้าระหว่างประเทศจนนำไปสู่ความผันผวนที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์ที่เป็นสกุลหลักในการค้าขายของไทยที่มากถึง 77.4% และจะเห็นว่าทุกความผันผวนของค่าเงินทุก 1% ของความผันผวนที่สูงขึ้น คือทุก 1% ของความเสี่ยงที่กำไรของผู้ประกอบธุรกิจจะลดลง
ธนาคารจึงได้พัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ในการจัดการเรื่องความผันผวน ด้วยบริการ ttb local currency ที่จะช่วยลดความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วยเครื่องมือบริหารความเสี่ยงสกุลเงินท้องถิ่นที่เป็นคู่ค้าหลักของประเทศไทย นอกจากนั้น ยังเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันความเสี่ยง ด้วย Pro Rata Forward สำหรับเงินสกุลท้องถิ่น โดยเฉพาะสกุลเงินหยวน ซึ่งถือเป็นธนาคารแรกและธนาคารเดียวที่ทำได้