ตลาดหุ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเกิดการโกลาหล หลังจากบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2565 โดยผลกำไรทรุด จุดชนวนการเทขายหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จนรูดลงยกแผง ฉุดให้ดัชนีหุ้นดิ่งลงแรง
KCE แจ้งผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ผ่านตลาดหลักทรัพย์ หลังปิดการซื้อขายหุ้นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิ 507 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน 21.50% ส่วนผลประกอบการรวมปี 2565 มีกำไรสุทธิ 2,317 ล้านบาท ลดลง 4.5% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน
สาเหตุที่กำไรชะลอตัวลงเกิดจากการขาดแคลนชิป ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบคือทองแดง และราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
หุ้น KCE ถูกเทขายทันทีเมื่อเปิดการซื้อขายวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ และลงมาปิดที่ 50.50 บาท ลดลง 6.50 บาท หรือลดลง 11.40% มูลค่าการซื้อขาย 5,080 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดอันดับ 1 ประจำวัน
ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ KCE จุดชนวนให้เกิดการเทขายหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนฯตามมา ไม่ว่าจะเป็นหุ้นบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA และหุ้นบริษัท ฮานาไมโคร อิเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ HANA จนราคาร่วงยกแผง
การดิ่งลงของหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดหุ้น โดยดัชนีปรับตัวลง 10.15 จุด ปิดที่ 1670.34 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติเทขาย 3,973.07ล้านบาท และคาดว่า กลุ่มชิ้นส่วนฯ ตกเป็นเป้าหมายการเทขายของต่างชาติ
KCE ดีดตัวจากจุดต่ำสุดที่ 39.75 บาท และไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางความคาดหวังว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2565 จะออกมาดี เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนตัวอื่น โดยเฉพาะ HANA
ค่าพี/อี เรโช KCE อยู่ที่ 25 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.17% โดยเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และมีนักลงทุนรายย่อยถือหุ้นอยู่จำนวน 33,405 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 59.04% ของทุนจดทะเบียน และมีกลุ่ม นายบัญชา องค์โฆษิต เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1
ผลประกอบการที่ผิดคาดของ KCE ทำให้นักวิเคราะห์ โบรกเกอร์หลายสำนักปรับลดประมาณการราคาเป้าหมาย และปรับคำแนะนำนักลงทุน โดยแนะนำให้ขายหุ้นทิ้ง
ประมาณการราคาเป้าหมายหุ้น KCE จากฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์ 12 ราย ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 50.50 บาท เท่ากับจุดปิดวันพุธพอดี ส่วนราคาต่ำสุดที่บางโบรกเกอร์ตั้งไว้อยู่ที่ 40.50 บาท และราคาเป้าหมายสูงสุดที่บางโบรกเกอร์ตั้งไว้อยู่ที่ 74 บาท โดยมีโบรกเกอร์เพียง 2 แห่งแนะนำให้ซื้อหุ้น
นักลงทุนที่แห่เข้าไปเก็งกำไรหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯ ตกสวรรค์กันหมด และไม่มีใครขายหุ้นทัน เพราะไม่คิดว่าผลประกอบการ KCE จะย่ำแย่ จนกระตุ้นให้เกิดการถล่มหุ้นกลุ่มชินส่วนฯ ยกแผง
ราคาหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯ ที่ทรุดหนักเมื่อวันพุธ เป็นการตอบรับข่าวร้ายผลประกอบการของ KCE แต่ปัญหาคือ ราคาหุ้นได้ซึมซับรับข่าวหมดหรือยัง เพราะนักวิเคราะห์โบรกเกอร์บางสำนักส่งสัญญาณเตือนมาแล้วว่า ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของกลุ่มชิ้นส่วนฯ อาจไม่จบสิ้นเพียงปี 2565
แต่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องถึงปี 2566 อย่างน้อยไตรมาสแรกปีนี้
การปรับฐานใหญ่ของ KCE และหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของขาลงในรอบนี้ก็เป็นได้