กลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 อย่างน่าผิดหวังมาก่อนหน้าแล้ว และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ที่น่าผิดหวังยิ่งกว่าตามมา ส่งผลให้ราคาหุ้นทรุดลงทันที
SCC รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 หลังปิดการซื้อขายหุ้นวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิ 157 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน 98%
ส่วนผลประกอบการรวมปี 2565 มีกำไรสุทธิ 21,382 ล้านบาท ลดลง 54% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 47,173 ล้านบาท
ราคาหุ้น SCC ทรุดลงทันทีเมื่อเปิดการซื้อขายวันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม โดยเปิดที่ราคา 335 บาท และลงไปต่ำสุดที่ 332 บาท ก่อนที่ปิดที่ 334 บาท ลดลง 11 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,142.96 ล้านบาท
นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการ SCC เช่นเดียวกับผิดหวังผลประกอบการหุ้นแบงก์หลายแห่ง จึงเทขายหุ้นทิ้ง
ฝ่ายวิจัย บริษัทโบรกเกอร์หลายแห่งปรับประมาณการราคาเป้าหมายหุ้น SCC ทันที โดยลดประมาณราคาเป้าหมายเหลือประมาณ 300 บาท จากที่เคยตั้งราคาเป้าหมายไว้ประมาณ 300 บาท พร้อมปรับคำแนะนำจากเดิมที่แนะให้ถือ เปลี่ยนเป็นแนะให้ขาย
เพราะคาดหมายว่าแนวโน้มผลประกอบการปีหน้ายังชะลอตัวต่อเนื่อง
SCC จัดอยู่ในเกรดหุ้นชั้นดี อยู่ในความสนใจของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งนักลงทุนระยะยาว เนื่องจากผลประกอบการมีกำไรต่อเนื่อง จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอปีละ 2 ครั้ง โดยมีอัตราเงินปันผลตอบแทนกว่า 5% ติดต่อกัน 2 ปี และมีค่าพี/อี เรโชประมาณ 14 เท่า
ผลประกอบการ SCC ย้อนหลัง 3 ปี ลุ่มๆดอนๆ มีบางปีที่กำไรชะลอตัว และบางปีกำไรเติบโต โดยปี 2563 มีกำไรสุทธิ 34,143.87 ล้านบาท ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 47.173.99 ล้านบาท และปี 2565 มีกำไรสุทธิ 21.382 ล้านบาท
จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย SCC มีทั้งสิ้น 57,315 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 66.22% ของทุนจดทะเบียน
ราคาหุ้น SCC ในรอบ 12 เดือนเคยพุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 402 บาท และต่ำสุดที่ 307 บาท แต่ประมาณการราคาเป้าหมายของโบรกเกอร์ที่ปรับใหม่หลังรับรู้ผลประกอบการปี 2565 ถูกลดลงเหลือประมาณ 300 บาท ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นถอยลงมาระดับ 300 บาท และสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 12 เดือน
แม้ค่าพี/อี เรโชจะไม่สูงนัก แม้อัตราเงินปันผลตอบแทนจะจูงใจในระดับกว่า 5% แต่แนวโน้มผลประกอบการที่ชะตัวลงจะส่งผลให้ปัจจัยพื้นฐานของ SCC เปลี่ยน โดยค่าพี/อี เรโชมีแนวโน้มสูงขึ้น และอัตราเงินปันผลตอบแทนคงจ่ายไม่เท่าเก่า
จึงเกิดการเทขายหุ้นเพิ่มลดความเสี่ยง เพียงแต่ราคาไม่ได้ดิ่งลงแรงมากเกินไปเมื่อเทียบกับผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ซึ่งทรุดฮวบ จนแทบไม่มีกำไร
ผลประกอบการแบงก์บางแห่งและ SCC ไตรมาส 4 ที่ชะลอตัวรุนแรง เช่น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ที่กำไรลดลง 68% บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ที่กำไรลดลง 30% และ SCC ที่กำไรทรุดฮวบลง 98% กำลังก่อชนวนความกังวลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเกือบ 1 พันบริษัท
ไม่เฉพาะผลประกอบการปี 2565 เท่านั้น แต่ยังประเมินไปถึงปี 2566 ซึ่งบริษัทจดทะเบียนทั้งระบบอาจมีผลประกอบการต่ำกว่าความคาดหมายต่อเนื่องอีกปี สะท้อนถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของ SCC อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และตลาด MAI อาจไม่สดใสนัก
หุ้นปีนี้แนวโน้มคงไม่คึกคักเท่าไหร่ ดัชนีหุ้นวิ่งไปไหนไม่ได้ไกล และอาจเกิดภาวะตลาดหุ้นถดถอยได้
เป้า 1,800 จุด จึงอาจเป็นเพียงการมองโลกสวยของโบรกเกอร์ทั้งในและต่างประเทศเท่านั้น