นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ในราคาหุ้นละ 43.50 บาท และยังถืออยู่คงหายใจทั่วท้อง เพราะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นทะยานขึ้นไปปิดที่ 43.50 บาท ช่วยให้คนที่ “ติดดอย” ได้ทุนคืนเสียที
คณะกรรมการ MAKRO มีมติเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 นำหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,362 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนทั่วไป และหุ้นเพิ่มทุนอีกจำนวน 5,010.32 ล้านหุ้น เสนอขายบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งนำเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม MAKRO บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF
หุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดกำหนดจองซื้อและชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 4-9 ธันวาคม 2564 ในราคาเดียวกันคือ 43.50 บาทต่อหุ้น
การออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวนมหาศาลเสนอขายนักลงทุนทั่วไปเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาฟรีโฟลท หรือสัดส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อยต่ำกว่า 15% ของทุนจดทะเบียน ทำให้ MAKRO ไม่ถูกบรรจุเข้าสู่การคำนวณดัชนี50
หุ้นเพิ่มทุน MAKRO เข้าซื้อขายวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ปรากฏว่า ราคาซื้อขายบนกระดานปรับตัวลงต่ำกว่าราคาเสนอขาย ทำให้นักลงทุนที่จองซื้อขาดทุนกันถ้วนหน้า และต้องทนถือหุ้นข้ามปี และแม้ว่าในรอบ 12 เดือน ราคาเคยขยับขึ้นไปสูงสุดที่ 43.75 บาท แต่เกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนทรุดตัวลง
และเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม 2565 ลงไปยืนแถว 34 บาท
แต่หลังจากนั้นราคาเริ่มขยับขึ้นทีละน้อย จนวันจันทร์ที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา พุ่งขึ้นมาปิดที่ 43.50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท และเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนไว้เมื่อปลายปี 2564 โดยถือหุ้น MAKRO มาประมาณ 1 ปี 1 เดือน สามารถตามทุนคืนได้
การกลับมาแจ้งเกิดใหม่ของหุ้น MAKRO เกิดจากหลายปัจจัย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความคาดหมายว่า MAKRO มีโอกาสได้รับการพิจารณาเข้าสู่การคำนวณดัชนี 50 เพราะมีมาร์เกตแคป หรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดจำนวน 449,663 ล้านบาท ถือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่ในข่ายถูกบรรจุในดัชนี50
และเงื่อนไขด้านฟรีโฟลทได้แก้ไขเรียบร้อย โดยบริษัทฯ แจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ระบุว่า MAKRO มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยเกิน 15% ของทุนจดทะเบียนแล้ว จากเดิม 13% เศษ ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งหมดมีจำนวน 110,182 ราย
จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย MAKRO มีจำนวนมากที่สุดอันดับ 2 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รองจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งมีผู้ถือหุ้นจำนวน 159,454 ราย
นอกจากนั้น ผลประกอบการ MAKRO ยังเติบโตต่อเนื่อง จากปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 6,562.67 ล้านบาท ปี 2564 กำไรเพิ่มเป็น 13,686.73 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีกำไรสุทธิ 5,225.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,592.72 ล้านบาท
ค่าพี/อี เรโช MAKRO อยู่ที่ประมาณ 31 เท่า และอัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 1.18% โดยปัจจัยพื้นฐานอาจไม่โดดเด่น แต่สามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ และอยู่ในความสนใจนักลงทุนสถาบัน รวมทั้งนักลงทุนระยะยาว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์แต่ละสำนักยังมีมุมมองหุ้น MAKRO ที่แตกต่าง โดยเฉพาะการประเมินราคาเป้าหมาย ซึ่งบางโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 36 บาท บางโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 48 บาท ส่วนราคาเฉลี่ยจาก 10 โบรกเกอร์อยู่ที่ประมาณ 41 บาท
MARKO ปลดเปลื้องตัวเองจากเพดานราคาหุ้นที่ถูกกดลงต่ำกว่า 43.50 บาท อยู่พักใหญ่ ส่วนนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนราคา 43.50 บาท ถือว่าได้ลงจากดอยแล้ว
เพียงแต่จะอยู่ต่อกับ MAKRO หรือพอใจที่หลุดจากดอย และขอเผ่นออกก่อนเท่านั้น