ราคาหุ้นบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ปักหัวลงทุนทันที หลังบริษัทฯ ประกาศเพิ่มทุนครั้งใหญ่ ขายหุ้นใหม่ให้ผู้ถือหุ้นเดิม ระดมเงินกว่า 3,000 ล้านบาท
JKN แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนเปิดการซื้อขายหุ้นในวันที่ 6 มกราคม โดยมีมติเพิ่มทุนจำนวน 1,019.79 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 50 สตางค์ เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 3 บาท รวมการระดมทุนครั้งนี้กว่า 3 พันล้านบาท
การเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อนำเงินชำระหนี้ ซึ่งจะลดภาระดอกเบี้ย เสริมสร้างเงินทุนและฐานการเงินให้แข็งแกร่ง และใช้เป็นทุนหมุนเวียน
ราคาหุ้น JKN ดิ่งลงทันทีที่เปิดการซื้อขายวันที่ 6 มกราคม ก่อนจะปิดซื้อขายที่ 3.84 บาท ลดลง 58 สตางค์ หรือลดลง 13.12% มูลค่าซื้อขาย 367.88 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 JKN ได้ประกาศข่าวอย่างครึกโครมการได้มาซึ่งกิจการทั้งหมดขององค์กรนางงามจักรวาล (มิสยูนิเวิร์ส) รวมทั้งลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้อง
การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์นางงามจักรวาล ผลักดันให้ราคาหุ้น JKN พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง 2 วันติด จากราคาที่เคลื่อนไหวแถว 3.80 บาท ถูกลากขึ้นไปปิดที่ 5.60 บาท ในวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนจะปรับฐานลงต่อเนื่อง และยืนอยู่แถว 4 บาทเศษมาพักใหญ่
การประกาศเพิ่มทุนครั้งมโหฬาร อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้ผู้ถือหุ้นเดิมเทขายหุ้นออกมา เพราะไม่ต้องการที่จะใส่เงินเพิ่มทุน หรือใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
ผลประกอบการ JKN แม้มีกำไรสุทธิต่อเนื่อง แต่เป็นกำไรที่ชะลอตัว โดยปี 2563 มีกำไรสุทธิ 312.47 ล้านบาท แต่ปี 2564 กำไรสุทธิลดเหลือ 179.35 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีกำไรสุทธิ 175.47 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 195.44 ล้านบาท
ค่าพี/อี เรโช JKN อยู่ที่ประมาณ 17 เท่า ถือว่าไม่สูงนัก เพียงแต่ผลประกอบการไม่เติบโตอย่างโดดเด่น
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น JKN มีนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง สัดส่วน 25.23% ของทุนจดทะเบียน มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 13,702 คน ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 39.65% ของทุนจดทะเบียน
ก่อนจะปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคม 2565 นายจักรพงษ์ เคยถือ หุ้นในสัดส่วนกว่า 42% ของทุนจดทะเบียน แต่รายชื่อผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุด นายจักรพงษ์กลับถือหุ้นลดลงเหลือ 25.23%
สัดส่วนการถือหุ้นที่ลดลงประมาณ 17% เกิดจากนายจักรพงษ์ ทยอยขายหุ้น JKN ออกในตลาดหลักทรัพย์ ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2565 แต่ไม่รายงานให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รับทราบในทันที โดยปล่อยให้เวลาล่วงเลยประมาณ 7 วัน จึงรายงานการขายหุ้น
นักลงทุนทั่วไปไม่ได้รับรู้ความเคลื่อนไหวการย่องขายหุ้นของนายจักรพงษ์ มารับรู้ว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ JKN ขายหุ้นออกเมื่อราคาปรับฐานลงแล้ว นักลงทุนที่เข้าไปรับซื้อหุ้นต่อจากนายจักรพงษ์ ต้อง “ติดดอย” ไปเสียแล้ว
การเพิ่มทุนโดยมีเป้าหมายระดมเงินจำนวนกว่า 3 พันล้านบาทของ JKN ครั้งนี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะปฏิกิริยาตอบรับของนักลงทุนออกมาในเชิงลบ มีการเทขายหุ้นทิ้งทันที
และกันชนระหว่างราคาหุ้นเพิ่มทุนที่จะเสนอขายราคา 3 บาท กับราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวบนกระดานล่าสุดที่ 3.84 บาท ก็ไม่จูงใจให้ใช้สิทธิมากนัก เพราะส่วนต่างเพียง 84 สตางค์ ยังทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมมีความเสี่ยงในการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นใหม่
เพราะหากราคาหุ้น JKN ปรับตัวลงต่อเนื่อง อาจทำให้ราคาหุ้นที่ซื้อขายบนกระดานลงมายืนอยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาหุ้นเพิ่มทุนที่จะเสนอขาย จนผู้ถือหุ้นเดิมต้องสละสิทธิจองซื้อหุ้น
ช่วงปลายปี 2565 บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งประกาศเพิ่มทุน ซึ่งไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนักจากนักลงทุน เพราะไม่มีใครอยากใส่เงินเพิ่มทุน
เช่นเดียวกับ JKN ที่การระดมทุนกว่า 3 พันล้านบาท อาจหืดขึ้นคอ เพราะผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ส่งสัญญาณแล้วว่าไม่ยินดีเติมเงินเพิ่มทุนให้ JKN