xs
xsm
sm
md
lg

คลังปลื้มผลการจัดมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สำเร็จตามเป้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (7 ก.พ.) คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบผลการจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้ประกอบการจำนวนมาก และถือว่าประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขหนี้สินภาคครัวเรือนเป็นวาระแห่งชาติ


ตามที่กระทรวงการคลังได้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ สมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ จัดงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” (งานมหกรรม) ขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขและการปรับโครงสร้างหนี้สินของประชาชนและผู้ประกอบการเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและทั่วถึง สนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ รวมทั้งพิจารณาแนวทางการสร้างรายได้เพิ่มเติมและการสร้างความรู้ทางการเงินให้ประชาชนและผู้ประกอบการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้การแก้ไขหนี้สินภาคครัวเรือนเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งนี้ ผลของการจัดงานมหกรรมฯ ประสบความสำเร็จและได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงการคลัง (นายชื่นชอบ คงอุดม) ได้ชี้แจงรายละเอียดดังนี้

1.ผลการจัดงานมหกรรมฯ รูปแบบสัญจร จำนวน 5 ครั้ง ในกรุงเทพมหานคร ขอนแก่น เชียงใหม่ ชลบุรี และสงขลา มีประชาชนและผู้ประกอบการขอรับบริการภายในงานเป็นจำนวนมากกว่า 34,000 รายการ คิดเป็นจำนวนเงินมากกว่า 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการขอรับคำปรึกษาด้านการเงินและแนวทางในการประกอบอาชีพ จำนวนมากที่สุด 13,000 รายการ รองลงมา คือ การขอแก้ไขปัญหาหนี้สินที่มีอยู่เดิมมากกว่า 10,000 รายการ คิดเป็นจำนวนเงินมากกว่า 10,000 ล้านบาท การขอสินเชื่อเพิ่มเติมมากกว่า 4,000 รายการ คิดเป็นจำนวนเงินมากกว่า 8,000 ล้านบาท และการเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์เงินฝากเพื่อส่งเสริมการออม การตรวจข้อมูลเครดิต โดยบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด การแนะแนวอาชีพโดยสำนักงานจัดหางาน การขอคำแนะนำจากสำนักงานพัฒนาชุมชน การจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของทั้งสถาบันการเงินและบริษัทเอกชน เป็นต้น จำนวนประมาณ 7,000 รายการ

2.ผลการจัดงานมหกรรมฯ รูปแบบออนไลน์ มีผู้ลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์ทั้งสิ้นมากกว่า 188,000 ราย คิดเป็นจำนวนรายการสะสมมากกว่า 413,000 รายการ ประกอบด้วย ลูกหนี้ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลร้อยละ 35 ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 31 และภาคอื่นๆ ร้อยละ 34 ของลูกหนี้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด และประเภทสินเชื่อที่มีการลงทะเบียนสูงสุด คือ บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลร้อยละ 75 สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ร้อยละ 6 สินเชื่อรายย่อยอื่นร้อยละ 5 สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยร้อยละ 4 และสินเชื่อประเภทอื่นๆ ร้อยละ 10


ถึงแม้ว่าการจัดงานมหกรรมฯ จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่การช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ประชาชนยังคงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีแนวทางการดำเนินการ
ในระยะต่อไป ดังนี้

1.มาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืน โดยธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งสนับสนุนให้สถาบันการเงินแก้ไขปัญหาหนี้สินและปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยช่วยลดภาระการจ่ายชำระหนี้ของลูกหนี้ที่มากกว่าการขยายระยะเวลาการชำระหนี้เพียงอย่างเดียวเพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้อย่างแท้จริงและคำนึงถึงภาระของลูกหนี้ตลอดสัญญา ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินมาตรการถึงสิ้นปี 2566 นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้กำหนดให้การดำเนินการตามแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าวเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่ง

2.ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดช่องทางเสริมเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ (1) ทางด่วนแก้หนี้ ซึ่งเป็นช่องทางเสริมออนไลน์สำหรับประชาชนที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้แต่ติดต่อเจ้าหนี้ไม่ได้หรือติดต่อแล้วแต่ยังไม่สามารถตกลงเงื่อนไขกันได้ (2) หมอหนี้เพื่อประชาชน ซึ่งเป็นช่องทางให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างครบวงจรแก่ลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบธุรกิจ SMEs และ (3) คลินิกแก้หนี้ ซึ่งเป็นช่องทางปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียจากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ไม่มีหลักประกัน

3.ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเผยแพร่เอกสารทิศทาง (Directional Paper) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เพื่อสื่อสารแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน รวมทั้งช่วยให้ทุกภาคส่วนเห็นทิศทางการดำเนินงานในระยะต่อไปและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดมากขึ้น โดยเอกสารดังกล่าวประกอบด้วยแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ที่มีอยู่เดิม และการปล่อยหนี้ใหม่ให้มีคุณภาพในลักษณะการให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Lending) รวมถึงการวางรากฐานที่จำเป็นอื่นๆ เช่น การพัฒนาฐานข้อมูลให้มีข้อมูลหลากหลาย สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงของลูกหนี้ การปลูกฝังให้ลูกหนี้มีวินัยทางการเงิน (Responsible Borrowing) เป็นต้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ว่าการจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” จะจบลงแล้ว แต่การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ประชาชนยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยลูกหนี้ที่ประสบปัญหาหนี้สินสามารถติดต่อขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ที่สาขาของสถาบันการเงินทุกแห่งทั่วประเทศ หรือเข้าร่วมโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการทางด่วนแก้หนี้ โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน หรือ โครงการคลินิกแก้หนี้ ได้ตลอดเวลา”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

1.สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ โทร.0-2202-1868 หรือ 0-2202-1961
2.ธนาคารออมสิน โทร.0-2299-8000 หรือสายด่วน 1115
3.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โทร.0-2555-0555
4.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร.0-2645-9000
5.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร.0-2265-3000 หรือสายด่วน 1357
6.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย โทร.0-2169-9999
7.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โทร.0-2650-6999 หรือสายด่วน 1302
8.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม โทร.0-2890-9999
9.โครงการทางด่วนแก้หนี้ และโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน โทร.1213 หรือ www.1213.or.th/app/debtcase หรือทาง Line @doctordebt
10.โครงการคลินิกแก้หนี้ โทร.1443 หรือ www.คลินิกแก้หนี้.com หรือ www.debtclinicbysam.com หรือ Line @debtclinicbysam


กำลังโหลดความคิดเห็น