นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.59 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.65 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.70 บาท/ดอลลาร์ ตลาดการเงินสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังจากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่างยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 225,000 ราย และ 1.71 ล้านราย ตามลำดับ สะท้อนการชะลอตัวลงของตลาดแรงงาน ทำให้ผู้เล่นในตลาดมองว่าเฟดอาจไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยหรือเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยไปมาก นอกจากนี้ ภาพดังกล่าวยังได้กดดันให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงสู่ระดับ 3.82% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth รีบาวนด์ขึ้น หลังจากปรับตัวลงหนักในสัปดาห์นี้ เช่น Nvidia +4.0% Amazon +2.9% Apple +2.8% ทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น +2.59% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.75%
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่าการกลับมาแข็งค่าของเงินบาทในช่วงเมือคืนที่ผ่านมานั้น มาจากทั้งการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ ซึ่งมีโอกาสที่เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับสำคัญ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ หากบรรยากาศในตลาดยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เรามองว่าผู้เล่นบางส่วนในตลาดอาจรอจังหวะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นในการทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือลดสถานะ Short USDTHB (มองเงินบาทแข็งค่า) ลงบ้าง ทำให้ค่าเงินบาทไม่น่าจะแข็งค่าหลุด 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ไปมากนัก ทั้งนี้ เรามองว่าควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงวันทำการสุดท้ายของปี เนื่องจากปริมาณธุรกรรมในตลาดอาจเบาบางลงไปมาก
ส่วนในทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 สามารถรีบาวนด์ขึ้น +0.68% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ตามการย่อตัวลงของบอนด์ยิลด์ระยะยาว เช่นเดียวกับในฝั่งสหรัฐฯ (ASML +3.0% Adyen +2.4%) อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปเผชิญแรงกดดันจากการย่อตัวลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ (Anglo American -1.0%) ตามการปรับตัวลงของราคาโลหะพื้นฐาน เช่น ทองแดง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงกังวลสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีน
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังตลาดการเงินกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 103.8 จุด ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุด เราพบว่าสถานะถือครองเงินดอลลาร์ หรือ Net Long positions ของผู้เล่นในตลาดยังอยู่ในระดับต่ำหลายสัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งอาจสะท้อนว่าผู้เล่นในตลาดไม่ได้มีมุมมองที่ชัดเจนต่อแนวโน้มเงินดอลลาร์ หรือ มองว่าเงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว sideways อย่างไรก็ดี การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยอลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) สามารถปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
สำหรับวันนี้ เนื่องจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญได้มีการรายงานไปแล้วในสัปดาห์นี้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจรอติดตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีน เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจรอจับตาแนวทางการรับมือการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนในหลายประเทศ ทำให้บรรยากาศโดยรวมของตลาดการเงิน โดยเฉพาะในฝั่งเอเชียอาจไม่สามารถเปิดรับความเสี่ยงได้อย่างเต็มที่นัก