นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (29 ธ.ค.) ที่ระดับ 34.72 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.60-34.80 บาท/ดอลลาร์บรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ โดยรวมยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนักและเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย หากเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนกังวลว่า การเปิดประเทศจีนอย่างเต็มรูปแบบของในปีหน้า อาจทำให้ปัญหาเงินเฟ้อไม่สามารถคลี่คลายลงได้ง่าย และอาจกดดันให้เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ
โดยความกังวลดังกล่าวได้สะท้อนผ่านการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สู่ระดับ 3.88% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ที่อ่อนไหวต่อการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์/อัตราดอกเบี้ย ปรับตัวลงต่อเนื่อง เช่น Apple -3.1% Alphabet -1.6% Microsoft -1.0% กดดันให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลงกว่า -1.35% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.20%
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways ซึ่งหากเงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด อาจกดดันให้เงินบาทสามารถผันผวนในฝั่งอ่อนค่าลงได้บ้าง นอกจากนี้ หากราคาทองคำย่อตัวใกล้โซนแนวต้านอาจมีโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวเพิ่มขึ้นและสามารถกดดันเงินบาทได้เช่นกัน แต่เรายังคงมองว่า แม้ว่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า แต่ปัจจัยสนับสนุนการแข็งค่าของเงินบาทยังมีอยู่ เช่น แรงซื้อหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงเดินหน้าซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินบาทอาจไม่อ่อนค่าไปมาก หรือทะลุโซนแนวต้านที่เราเคยประเมินไว้แถว 34.90-35.00 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.13% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth จากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยอลด์ระยะยาว เช่นเดียวกับในฝั่งสหรัฐฯ (ASML -1.7%, Adyen -0.8%) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดยังรอประเมินผลกระทบจากการเปิดประเทศจีนในต้นปีหน้าว่าจะส่งผลดีหรือผลเสียต่อภาพเศรษฐกิจยุโรปมากกว่ากัน เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีนล่าสุดยังคงน่ากังวลอยู่
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 104.5 จุด ทั้งนี้ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง แต่การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ยังคงเคลื่อนไหวผันผวน ใกล้ระดับ 1,812 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีบางจังหวะที่ราคาทองคำย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับแถว 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งมีโอกาสที่ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอจังหวะการย่อตัวของทองคำในการทยอยเข้าซื้อ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่างยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Claims) โดยหากรายงานข้อมูลดังกล่าวยังคงออกมาดีกว่าคาด เช่น ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าระดับ 220,00 ราย หรือยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่องต่ำกว่า 1.67 ล้านคน ผู้เล่นในตลาดอาจประเมินว่า ภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งอยู่ อาจหนุนให้เฟดสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ และอาจแตะระดับสูงกว่า 5.00% ที่ตลาดมองในปัจจุบัน ซึ่งภาพดังกล่าวอาจกดดันให้บรรยากาศในตลาดการเงินอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง หรือระมัดระวังตัวมากขึ้นได้