บล.ทิสโก้ชี้ตลาดหุ้นไทยจบรอบพักฐานแล้ว หลังดัชนีปรับขึ้นยืนเหนือ 1,600 จุด แถมปี 2566 คาดตลาดหุ้นไทยจะสร้างผลตอบแทนโดดเด่นเหนือตลาดหุ้นโลก เพราะเศรษฐกิจมีโอกาสเติบโตและเร่งตัวขึ้นจากการเปิดประเทศและการเลือกตั้งช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ขณะช่วงที่เหลือของปีนี้ลุ้นเห็น SET Index ทดสอบแนวต้านที่ 1,630-1,650 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสำคัญของโลกเริ่มชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย อาทิ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางแคนาดา (BOC) น่าจะสะท้อนว่าธนาคารกลางเริ่มมีความมั่นใจว่านโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา น่าจะเพียงพอที่จะลดอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าลงได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนว่าธนาคารกลางอาจเริ่มกังวลถึงผลกระทบจากการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป อาจเป็นความเสี่ยงให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ (Recession)
สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) นั้น ในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคม ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้มีโอกาสเพียง 40% ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย +75 bps ซึ่งแนวโน้มการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed น่าจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นได้ นอกจากนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้คาดว่าจะเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าระดับ 8% ครั้งแรกในรอบ 8 เดือน หากเป็นเช่นนั้นจะยิ่งเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดมากยิ่งขึ้น
"บล.ทิสโก้ มองการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเข้ามาใกล้ช่วงปลายของวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว ดังนั้น แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยระดับสูงสุดของ Fed ในอนาคต จึงไม่น่าจะมากกว่าหรือน้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ระดับ 5% (+/-) มากนัก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (Bond Yields) และเงินดอลลาร์ฯ ผ่านจุดพีคไปแล้วในช่วงเดือนที่ผ่านมา เละเป็นผลดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (EM) ซึ่งหลังจากนี้แนะนำให้นักลงทุนติดตาม US Dollar Index ใกล้ชิด หากปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 109 จุด จะเป็นจุดเปลี่ยนแนวโน้มที่สำคัญในเชิงของปัจจัยเทคนิค" นายอภิชาติกล่าว
สำหรับตลาดหุ้นไทย (SET Index) นั้น หลังจากที่กลับมายืนบริเวณ 1,600 จุดได้สำเร็จ บล.ทิสโก้มองว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ SET Index มีโอกาสแกว่งซิกแซกขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,630 และ 1,650 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,575-1,580 และ 1,550-1,560 จุด นอกจากนี้ บล.ทิสโก้ยังมองว่าตลาดหุ้นไทยจะยังปรับตัวเพิ่มขึ้น (Outperform) ตลาดหุ้นโลกต่อเนื่องถึงปีหน้า คล้ายเหตุการณ์ในอดีตช่วงปี 2544 - 2545 ที่เศรษฐกิจฟื้นตัวดีกว่าเศรษฐกิจโลก 2 ปีซ้อน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยปีหน้าน่าจะเติบโตเร่งตัวขึ้น และดีกว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อานิสงส์จากการเปิดประเทศ (Re-opening) และการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในครึ่งแรกของปีหน้า
สำหรับหุ้นที่ บล.ทิสโก้แนะนำในเดือนพฤศจิกายน นี้ จะเน้นการลงทุนในหุ้นอิงเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีแนวโน้มกำไรดี ทั้งการเก็งกำไรผลประกอบการ Q3 และแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องใน Q4 แนะนำ AU, BAM, BDMS, CPALL และ SCB ผสานกับหุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนระยะสั้น อาทิ หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณในดัชนีต่าง ๆ โดย MSCI Index แนะนำ TLI และ SET50 Index แนะนำ COM7, RATCH เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นที่แนะนำในเดือน พฤศจิกายน คือ AU, BAM, BDMS, COM7, CPALL, RATCH, SCB และ TLI