นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวในงาน mai FORUM 2022 โดยมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) มีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 1,800 จุดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 66 จากปีนี้ให้เป้า 1,690 จุด โดยกลุ่มหุ้นเด่น เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่กลับมา เช่น กลุ่มสปา กลุ่มโรงแรม กลุ่มร้านอาหาร รวมถึงกลุ่มค้าปลีกที่จะได้รับประโยชน์จากการฟี้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้มีการบริโภคกลับมามากขึ้น และยังมักลุ่ม Tech Consult ที่ยังเป็นกระแสหลักของผู้ประกอบการต่างๆ ที่ต้องการเพิ่มความสามารถการแข่งขันด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วย
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยปี 66 คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มเงินทุนที่จะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเกิดใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นอาเซียน เนื่องจากภาพรวมของเศรษฐกิจมีทิศทางฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีของเศรษฐกิจไทยเพิ่งเริ่มเข้าสู่การฟื้นตัว แตกต่างจากสหรัฐฯ หรือยุโรปที่เศรษฐกิจฟื้นตัวมาก่อนแล้ว และมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นตลาดหุ้นยังคงมีแรงกดดันจากกรณีที่ธนาคารกลางหลักๆ ของโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว และเฟดจะเริ่มลดความเข้มงวดของการขึ้นดอกเบี้ยลงในช่วงปลายไตรมาส 1/66 เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ให้ไปอยู่ในจุดที่เกิดการถดถอย และมีโอกาสกลับลำมาปรับลดดอกเบี้ยได้ ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นในปีหน้ากลับมาฟื้นตัว และตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย
ขณะเดียวกัน ในปี 66 ยังมีความหวังว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการคาดการณ์ว่าจีนจะเริ่มเปิดให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยวนอกประเทศได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมการท่องเที่ยวไทยที่ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายท่องเที่ยวสำคัญของชาวจีน และเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย อีกทั้งการเลือกตั้งของไทยที่คาดว่าจะมีขึ้นในปีหน้าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยด้วย
ด้านนายนายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับความน่าสนใจให้ตลาดหุ้นไทยในปีหน้า คือ ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งจะต้องติดตามว่ารูปร่างหน้าตาของรัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร เพราะจะสะท้อนแนวทางการดำเนินนโยบายต่างๆ ของประเทศ เป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจในการตัดสินใจเข้ามาลงทุน
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปี 66 คาดว่าจะเริ่มเห็นการผ่อนคลายลงหลังจากจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดที่ 5% หรือคาดว่าต้นปี 66 เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในไตรมาส 1/66 ราว 0.25% ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดลง จากนั้นจะคงอัตราดอกเบี้ยและมีโอกาสลดดอกเบี้ยลง หากความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอลง โดยจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มปรับตัวลดลง ซึ่งจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นทำให้กลับมาแรลลี่ได้ในช่วงกลางปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้ายังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและไต้หวันที่รุนแรงขึ้น อาจจะเป็นปัจจัยรบกวนตลาดหุ้นในบางช่วง แต่มองว่าอีกด้านหนึ่งจะเป็นบวกต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดไต้หวันมาที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นของเอเชีย โดยในช่วงที่ผ่านมาได้จะเห็นเงินทุนที่เคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้นสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทยมากขึ้น
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า จากมุมมองที่ว่าตลาดหุ้นไทยยังจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่กลับมาหลังโควิด-19 คลี่คลาย และการท่องเที่ยวฟื้นขึ้นมาได้รวดเร็ว ทำให้ตลาดหุ้นไทยจะมีความโดดเด่น ประกอบกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 66 และจะมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาหนุน ทำให้มองว่ามีโอกาสที่ SET Index จะสามารถขึ้นไปแตะระดับที่ 1,800 จุดในปี 66 ได้
ขณะที่นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 66 มีโอกาสที่ดัชนี SET ขึ้นไปที่ 1,800 จุดได้
แม้ว่าขณะนี้ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ยังคงเป้าดัชนี SET ปี 66 ไว้ที่ 1,720 จุด แต่เห็นโอกาส Upside เปิด จากการที่ตลาดหุ้นจะเริ่มได้รับปัจจัยบวกจากทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงหลังจากผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และอัตราดอกเบี้ยในปี 66 คาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการสิ้นสุดขาขึ้นในปีช่วงต้นปี 66 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นไทยจะได้รัอานิสงส์ไปด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยจะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องในปีหน้า โดยมีปัจจัยหนุนหลักยังคงเป็นภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเติบโตได้มาก ประกอบกับนโยบายดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนยังจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเข้ามาผลักดัน เสริมกับการลงทุนของภาครัฐควบคู่ไปด้วย ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ การเลือกตั้งในปี 66 จะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปได้ แต่ยังคงต้องรอดูว่ารัฐบาลใหม่จะมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเป็นอย่างไร เพราะจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาหนุนต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ต่อเนื่อง หลังจากดัชนีอาจจะมีการแรลลี่ไปก่อนในช่วงประกาศวันเลือกตั้ง
กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในปี 66 มองว่ายังคงเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ยังได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงกลุ่มค้าปลีกที่ได้รับอานิสงส์บวกของการเติบโตของเศรษฐกิจ และกลุ่มสายการบินยังมีความน่าสนใจจากการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตขึ้น และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง หลังจากปีนี้มีแรงกดดันไนเรื่องราคาก๊าซและราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นหุ้นที่ยังมีอัปไซด์หากปีหน้าสถานการณ์ราคาก๊าซและน้ำมันเห็นการปรับลงชัดเจน