ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ฟื้นคืนสู่ความสดใส เพียง 2 วันทำการ วันจันทร์และอังคารที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นพุ่งทะยานเกือบ 30 จุด และมีโอกาสพุ่งทะลุแนวต้านระดับ 1,600 จุดอีกครั้ง
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่ดีดตัวขึ้นต่อเนื่องวันละหลายร้อยจุด ปลุกตลาดหุ้นโลกให้คึกคัก ตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย
จากความกังวลว่าหุ้นจะหลุดไปสู่แนวรับ 1,550 จุด สถานการณ์เปลี่ยนไปสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น โดยดัชนีวันอังคารที่ผ่านมาพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1,590.36 จุด และมีหลายปัจจัยหนุนให้ตลาดเดินหน้าต่อ
ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไตรมาสที่ 3 ซึ่งจะประกาศครบทุกธนาคารภายในสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์คาดหมายว่าผลกำไรจะเติบโต โดยธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ประกาศนำร่องกำไร 2,083.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,477.76 ล้านบาท กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร
และคาดกันว่า บริษัทจดทะเบียนอีกหลายกลุ่มจะมีผลประกอบการไตรมาสที่ 3 เติบโตในทิศทางเดียวกับกลุ่มธนาคาร
นอกจากนั้น กองทุนในประเทศยังปรับกลยุทธ์หันมาไล่ซื้อหุ้น โดยวันจันทร์และอังคาร ซื้อหุ้นกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งอาจประเมินแนวโน้มตลาดในทิศทางที่ดีขึ้น
ตั้งแต่ต้นปีกองทุนขายหุ้นออกตลอด มียอดขายหุ้นสะสมประมาณ 1.3 แสนล้านบาท และอาจถึงเวลาทยอยกลับมาซื้อ
ถ้ากองทุนซื้อหุ้นต่อเนื่อง จะเป็นกองหนุนที่ช่วยพยุงหรือขับเคลื่อนตลาดหุ้นให้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาขายหุ้น และคาดการณ์ว่า แรงกดดันค่าเงินบาทที่อ่อนตัวและดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสูงอีก จะเร่งให้ต่างชาติขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และขนเงินกลับ เพราะผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จูงใจกว่า
แต่ต่างชาติไม่ได้ถล่มขายหุ้นอย่างหนักและต่อเนื่องเหมือนที่นักลงทุนกลัว โดยเมื่อวันอังคารกลับเข้ามาซื้อหุ้นกว่า 400 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า ต่างชาติยังไม่ถอนเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นไทยเสียทีเดียว และซื้อหุ้นกลับสลับการขายออกในบางช่วง
ข่าวร้ายที่ปกคลุมตลาดคงมีอยู่ โดยสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังดุเดือด ความกังวลการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังไม่ได้หมดไป เพียงแต่ผ่อนคลายลง เพราะเชื่อว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงไม่ใช้ยาแรงสกัดเงินเฟ้อ และการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพฤศจิกายนอาจต่ำกว่า 0.75%
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอยกำลังคืบคลานเข้ามา และจะเห็นชัดในปีหน้า ฉุดให้ตลาดหุ้นซบเซา และนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์บางสำนักเริ่มส่งสัญญาณเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังแล้ว
ตลาดหุ้นที่ดีดตัวกลับอาจเป็นเพียงแนวโน้มขาขึ้นในรอบสั้นๆ แต่เป็นโอกาสดีที่นักลงทุนรายย่อยจะชิงขายทำกำไร และรายย่อยบางส่วนไม่พลาดโอกาส โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขายหุ้นสุทธิ 2,931 ล้านบาท
ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม นักลงทุนรายย่อยซื้อหุ้นสะสมมาตลอด หุ้นตกก็ซื้อ หุ้นขึ้นก็ซื้อ แต่รอบนี้เลือกจังหวะที่ดี ขายหุ้นสวนตลาดขาขึ้น และขายหุ้นได้ในราคาทีดี
เพราะแม้แนวโน้มระยะสั้นเป็นช่วงขาขึ้น แต่โอกาสที่จะผ่านทะลุไปไกลจากระดับ 1,600 จุดเป็นไปได้น้อยมาก
ระหว่างรถเมล์เที่ยวใหม่กำลังวิ่งไปสู่เป้าหมายที่ 1,600 จุด นักลงทุนรายย่อยควรทยอยลงจากรถเมล์ ชิงขายหุ้นทำกำไรก่อน ไม่ต้องรอขายที่ 1,600 จุด
เพราะขาขึ้นสั้นๆ รอบนี้ไม่มีปัจจัยบ่งชี้ว่าหุ้นจะวิ่งไปไกลกว่า 1,600 จุด